ข่าวพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กับมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ครั้งที่ 9 - kachon.com

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กับมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ครั้งที่ 9
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กับมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ครั้งที่ 9

ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิด และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไปและมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง“ศูนย์ป้องกัน และปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ควบคุม กำกับชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมปฏิบัติการ ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ จากการปฏิบัติงานของสายด่วน 1710 ของสำนักงานป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงินและสายด่วน 1155 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารกรุงเทพ

ได้ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายที่ ถูกหลอกลวงและโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายแล้วระงับไม่ให้สามารถถอนเงินออกไป และได้นำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 861,664 บาท ได้แก่
1. ผู้เสียหายในคดีของ สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 34,000 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายรายนี้ไว้ได้ทั้งหมด
2. ผู้เสียหายในคดีของ สน.พหลโยธิน ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 602,538.95 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ จำนวน 400,379 บาท
3. ผู้เสียหายในคดีของ สน.พหลโยธิน ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 219,5๐๐ บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ จำนวน 61,425 บาท
4. ผู้เสียหายในคดีของ สภ.เมืองนนทบุรี ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 315,860 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายรายนี้ไว้ได้ทั้งหมด
5. ผู้เสียหายในคดีของ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน ๕๐,๐00 บาท ในคดีนี้ เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายรายนี้ไว้ได้ทั้งหมด

จากข้อมูลผู้เสียหายทั้ง 5 ราย เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายได้เต็มจำนวนทั้งหมด 3 ราย จากการสอบถามผู้เสียหายที่สามารถทำการอายัดเงินได้ทัน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการตั้งสติ คิดทบทวน และทราบว่าถูกคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวง เฉลี่ยแล้วใช้เวลาดังนี้ อายัดเต็มจำนวนใช้เวลาประมาณ 15–30นาที อายัดได้บางส่วนมากกว่าครึ่งของจำนวนที่ถูกหลอกใช้เวลาประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง อายัดได้บางส่วนน้อยกว่าครึ่งของจำนวนที่ถูกหลอกใช้เวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ขึ้นไปโดยใช้ช่องทางติดต่อการอายัดเงิน ผ่านช่องทางสายด่วน 1155, 1710 และ ทางธนาคารสรุปจากการผลการปฏิบัติงานในการอายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงไปยังบัญชีคนร้าย สามารถอายัดเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ จำนวน 71 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,384,728.73 บาท

จากสถิติการรับแจ้งเหตุของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.)รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.60 ถึงวันที่ 22 มี.ค.61 จำนวน 408 คดี มูลค่าความเสียหาย 205,227,906 บาท ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ถูกเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้หลอกลวงอีกเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้ไปร้องทุกข์ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนท่านใดที่ได้รับความเสียหายจากเครือข่ายแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงจนสูญเสียทรัพย์สิน ให้รีบแจ้งมาที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ ชั้น ๑ อาคาร ๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระรามที่ ๑ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร สายด่วน ๑๑๕๕ หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๕๑ ๙๗๙๓ หมายเลขโทรสาร ๐ ๒๒๕๒ ๗๘๘๑ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สายด่วน ๑๗๑๐ ตั้งอยู่ที่ ชั้น ๑ เลขที่ ๔๒๒ ถนน พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร “ในกรณีที่รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง ขอให้แจ้งสายด่วน ๑๑๕๕ และ ๑๗๑๐ โดยเร็วที่สุด”

“บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ เครือข่ายฉีเคอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิด และส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น หรือ กลุ่มแก๊ง Call Center มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไป และมีผู้หลงเชื่อจนเป็น เหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง“ศูนย์ป้องกัน และปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็น ผอ.ศูนย์ฯ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ควบคุม กำกับชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินร่วมปฏิบัติการ ทลายเครือข่ายแก๊ง Call Center ข้ามชาติ และจากการสืบสวนขยายผลการจับกุม นายฉีเคอ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จนทราบว่ามีเครือข่าย คอลเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบผู้ต้องหา จำนวนทั้งสิ้น 24 ราย เป็นชาวไทย 23 ราย และชาวไต้หวัน 1 ราย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นที่เรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการประสานขอรับตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ความสำเร็จในการบุกทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้รับความมือจากหน่วยงานทางการของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นอย่างดี จนทำให้สามารถขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงขอมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแด่ นายซาอีฟ อับดุลลา มูอัมหมัด คัลฟาน อัลชัมซี (H.E. Mr. Saif Abdulla Mohammed Khalfan Al Shamsi) เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำ ประเทศไทย

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม กอล์ฟ by กระฉ่อน รายงาน/ภาพข่าว