จับเขยโหดฆ่ารัดคอแม่ยาย อ้างถูกด่าทอดูหมิ่นศักดิ์ศรี
อาชญากรรม
นายเจษฎา รับสารภาพว่า ได้คบหากับ น.ส.รจเรศ แง้มท้าว อายุ 37 ปี ภรรยา อยู่กินกันฉันผัวเมียมานานกว่า 20 ปี และมีบุตรด้วยกัน 3 คน ที่ผ่านมาตนและภรรยารักกันดีมาโดยตลอด กระทั่งช่วงปี 61 ภรรยาของตนเริ่มแอบปันใจให้กับชายอื่น เนื่องจากจับได้ว่าแอบคุยกับชายอื่นผ่านเฟซบุ๊ก จึงขอให้เลิกเล่นเฟซบุ๊ก แต่กลับไม่ยอมหยุด ทั้งยังมีการแอบจดเบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายไว้ ก่อนจะลอบโทรหากันตลอดในช่วงที่ตนออกไปทำงาน ซึ่งตนก็ทราบดีมาตลอด และคิดว่าวันหนึ่งภรรยาจะคิดได้แล้วเลิกการกระทำดังกล่าว กระทั่งวันที่ 13 ธ.ค. 61 หลังจากตนเลิกงานกลับมาที่บ้านพัก ก็พบว่าภรรยาได้หนีออกจากบ้านไป คิดว่าน่าจะหนีไปกับชายอื่น จึงได้ไปขอให้พ่อของตนนำควายที่เลี้ยงไว้ไปขายเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนในการขี่รถ จยย. ตามหา โดยตระเวนขับรถไปตามจังหวัดต่างๆ ทั้ง กทม. สุโขทัย แต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจขี่ จยย. ไปยังบ้านพักของ นางจวน ซึ่งเป็นแม่ของภรรยาที่ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อจะไปสอบถาม แต่เมื่อไปถึงกลับถูกด่าทอว่า “ให้มันไปมีผัวใหม่ก็ดีแล้ว” จึงทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนที่ตนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่โถมเข้าใส่ นางจวน จนล้มลงก่อนใช้สายกระเป๋าสะพายรัดคอ จนสลบแน่นิ่งไป ก่อนจะรีบหลบหนีไป มาทราบภายหลังว่า นางจวน ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายเจษฎา กล่าวอีกว่า ภายหลังจากทราบเรื่องตนยอมรับว่าตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป ประกอบกับพอได้รับทราบข้อมูลว่า น.ส.รจเรศ ภรรยาหนีไปอยู่กับชายอื่นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว จึงขี่รถ จยย. ไปดักเฝ้ารอ ตั้งใจว่าหากเจอภรรยาตนอยู่กับชายอื่นด้วยกันจริงจะใช้มีดแทงทั้งคู่ให้ตายและจะฆ่าตัวตายตามไปในภายหลัง ตามสัญญาใจที่ตนและภรรยาเคยให้ไว้ด้วยกันว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดนอกใจ จะยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้กับตัวเองและครอบครัว ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นความสูญเสียคงเกิดมากขึ้นไปกว่านี้ ส่วนเงินที่เหลือจากการขายควายของพ่อตนก็อยากฝากไว้ให้กับลูกๆของตนไว้ใช้ในช่วงระหว่างที่ตนต้องรับโทษอยู่ในคุกจากความผิดที่ได้ก่อขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองแสงขัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.