'อัจฉริยะ'เดือดจัดท้าฟัด'ทนายตั้ม' ซัดดิสเครดิต-ฟอกตัว
อาชญากรรม
Webmaster
2019-01-09 16:15:00
14
Webmaster
2019-01-09 16:15:00
14
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่กองปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รองผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป.เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนาย ตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วย นายเศรษฐ์ เดชสุภา อายุ 37 ปี น.ส.รักชนก เจริญมากสุข อายุ 42 ปี สองสามีภรรยาแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ และพวก ในข้อหาสมคบกันทำหลักฐานเท็จ และปลอมแปลงเอกสารราชการ โดย นายอัจฉริยะ กล่าวว่า มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อต้องการสอบถามว่า นายษิทรา มีการแจ้งความดำเนินคดีกับตนหรือไม่ หากมีการแจ้งข้อหาก็จะมารับทราบข้อกล่าวหา และมอบตัวเพื่อต่อสู้คดี ทั้งนี้ ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2561 ตนไปสภ.บางปะอินจริง โดยมีการลงบันทึกประจำวันตามกฎหมายอย่างถูกต้อง และขอยืนยันไม่ได้ปลอมเอกสาร เพราะบันทึกประจำวันเป็นเอกสารของตำรวจ ตนไม่สามารถเข้าไปปลอมได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ยังได้เรียกตนไปสอบสวนเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2561 และออกหมายเลขคดี 774/661 เป็นเอกสารที่ผ่าน ผกก.สภ.บางปะอิน ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย สามารถไปตรวจสอบได้
“คดีนี้เห็นได้ชัดว่าการที่ นายษิทรา มาแจ้งความดำเนินคดีกับผมที่กองปราบนั้น ก็เพื่อฟอกตัวเองให้ขาว และยังอ้างว่า รอง ผกก.สืบสวน ไม่มีอำนาจลงบันทึกประจำวันนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง สามารถไปตรวจสอบได้ หรือไม่ก็ถามกับตำรวจของกองปราบปรามได้ว่า ฝ่ายสืบสวนมีอำนาจหรือไม่ มันไม่มีกฎหมายห้าม ที่สำคัญ นายษิทรา รู้ได้อย่างไรว่า วันที่ 28 พ.ย. ผมไม่ได้ไป สภ.บางปะอินจริงๆ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่าเอกสารที่ นายษิทรา ได้มานั้น เป็นการได้มาโดยมิชอบโดยกฎหมาย เพราะตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี ดังนั้นจึงไม่สามารถไปขอเอกสารหรือคัดสำเนาจากพนักงานสอบสวนได้ หรือหากได้มาจริงก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย เหมือนเป็นการลักขโมยหลักฐาน รวมทั้งยังมีการใช้สื่อฯมาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ ทำลายความน่าเชื่อถือในการทำงานของผมอีกด้วย เรื่องนี้บางคนคิดว่าเป็นความขั
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนายตั้มพาผัวเมียบุกป. เอาผิด'อัจฉริยะ'ขู่ลากไส้ยกก๊วน...
“คดีนี้เห็นได้ชัดว่าการที่ นายษิทรา มาแจ้งความดำเนินคดีกับผมที่กองปราบนั้น ก็เพื่อฟอกตัวเองให้ขาว และยังอ้างว่า รอง ผกก.สืบสวน ไม่มีอำนาจลงบันทึกประจำวันนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นเรื่องจริง สามารถไปตรวจสอบได้ หรือไม่ก็ถามกับตำรวจของกองปราบปรามได้ว่า ฝ่ายสืบสวนมีอำนาจหรือไม่ มันไม่มีกฎหมายห้าม ที่สำคัญ นายษิทรา รู้ได้อย่างไรว่า วันที่ 28 พ.ย. ผมไม่ได้ไป สภ.บางปะอินจริงๆ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานอีกว่าเอกสารที่ นายษิทรา ได้มานั้น เป็นการได้มาโดยมิชอบโดยกฎหมาย เพราะตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ไม่ได้เป็นคู่ความในคดี ดังนั้นจึงไม่สามารถไปขอเอกสารหรือคัดสำเนาจากพนักงานสอบสวนได้ หรือหากได้มาจริงก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย เหมือนเป็นการลักขโมยหลักฐาน รวมทั้งยังมีการใช้สื่อฯมาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ ทำลายความน่าเชื่อถือในการทำงานของผมอีกด้วย เรื่องนี้บางคนคิดว่าเป็นความขั
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนายตั้มพาผัวเมียบุกป. เอาผิด'อัจฉริยะ'ขู่ลากไส้ยกก๊วน...
