พ่อแม่หนุ่มออทิสติกร้องป. ขอรื้อคดี'ต้าแง'เชื่อมี'จัดฉาก'
อาชญากรรม
Webmaster
2019-01-09 18:10:00
22
Webmaster
2019-01-09 18:10:00
22
-
สนับสนุนเนื่อหา
จากกรณี ด.ช.ซูลุยผิว หรือ "น้องต้าแง" วัย 2 ขวบ ได้หายตัวไปขณะกำลังเดินเล่นอยู่ริมถนนใกล้ป่าอ้อยพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จนเวลาผ่านไปนานถึง 9 วัน กว่าจะพบศพว่าเสียชีวิตอยู่ภายในร่องน้ำ ขณะที่พ่อแม่เด็กยังคงติดใจสาเหตุการเสียชีวิต กระทั่ง พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี แถลงความคืบหน้าการแจ้งข้อหา "พรากผู้เยาว์" กับ "นายฝน" อายุ 30 ปี ชายสติไม่ดี ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายสมจิต ฉิมมา และนางพยุง สร้อยทอง พ่อแม่ของนายฝน ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ ด.ช.ซูลุยผิว พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. เพื่อขอให้เข้ามาช่วยทำคดีใหม่ทั้งหมด หลังมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสอบสภ.สระยายโสม เจ้าของคดี
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับครอบครัวนายฝน พบว่า นอกจากนายฝนจะเป็นผู้พิการทางสติปัญญาแล้ว ยังพิการทางการเรียนรู้ และเป็นออทิสติก ทำให้มีอายุสมองเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ประกอบกับนายฝน ไม่เคยไปบริเวณไร่อ้อยที่เกิดเหตุ และระยะทางจากวัดไปถึงจุดพบศพเด็กชายวัย 2 ขวบ ไกลถึง 3.4 กิโลเมตร และไกลจากบ้านของนายฝน 1.5 กิโลเมตร อีกทั้งระหว่างทางเป็นป่าอ้อย ทางคดเคี้ยวหลายแยก หากนายฝนไปจริง เชื่อว่าไม่มีทางกลับบ้านถูกแน่นอน ประกอบกับพฤติกรรมของนายฝนชอบขี่รถจักรยานเวลาไปไหนมาไหน และรักรถจักรยานมาก ไม่มีทางทิ้งรถจักรยานและจูงเด็กชายไปแน่นอน แต่หากวิเคราะห์ว่าให้เด็กชายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีที่นั่งซ้อนท้าย
“นอกจากนี้ยังพบพิรุธทางคดีหลายส่วน เช่น พบการทำลายสถานที่ โดยการลอกคูน้ำขึ้นมาทั้งหมด ทันทีหลังพบศพเด็กชาย และพนักงานสอบสวนนำตัวนายฝน ชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีการใช้คำถามชี้นำ จนทำให้นายฝนตอบเพียงคำว่า "อื้อ" เนื่องจากเป็นเด็กออทิสติก ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่มีการเรียกพยาน 8 ปาก ที่สามารถยืนยันที่ว่านายฝนไม่อยู่กับเด็กชาย 2 ขวบในวันเกิดเหตุ จนกระทั่งชาวบ้านออกมาประท้วงกดดัน ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นการจัดฉาก น่าจะมีการเสียชีวิตจากจุดอื่น ก่อนจะนำศพมาทิ้งในจุดที่พบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีการค้นหาในพื้นที่ดังกล่าว
ด้าน นายสมจิต พ่อของนายฝน กล่าวว่า ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากลูกไม่เคยออกนอกเส้นทางจากวัดกลับบ้าน มีเพียงครั้งเดียว และหลงหาทางกลับบ้านไม่ถูก ประกอบกับลูกชายมีอาการลมชัก ต้องกินยาสม่ำเสมอ โดยหลังจากนี้ ทางครอบครัวจะไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยชุดพนักงานสอบสวนที่ทำคดีด้วย
อ่านข่าวเด็กหายในไร่อ้อยทั้งหมดที่นี่
นายอนันต์ชัย กล่าวว่า จากการพูดคุยกับครอบครัวนายฝน พบว่า นอกจากนายฝนจะเป็นผู้พิการทางสติปัญญาแล้ว ยังพิการทางการเรียนรู้ และเป็นออทิสติก ทำให้มีอายุสมองเท่ากับเด็ก 5 ขวบ ประกอบกับนายฝน ไม่เคยไปบริเวณไร่อ้อยที่เกิดเหตุ และระยะทางจากวัดไปถึงจุดพบศพเด็กชายวัย 2 ขวบ ไกลถึง 3.4 กิโลเมตร และไกลจากบ้านของนายฝน 1.5 กิโลเมตร อีกทั้งระหว่างทางเป็นป่าอ้อย ทางคดเคี้ยวหลายแยก หากนายฝนไปจริง เชื่อว่าไม่มีทางกลับบ้านถูกแน่นอน ประกอบกับพฤติกรรมของนายฝนชอบขี่รถจักรยานเวลาไปไหนมาไหน และรักรถจักรยานมาก ไม่มีทางทิ้งรถจักรยานและจูงเด็กชายไปแน่นอน แต่หากวิเคราะห์ว่าให้เด็กชายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีที่นั่งซ้อนท้าย
“นอกจากนี้ยังพบพิรุธทางคดีหลายส่วน เช่น พบการทำลายสถานที่ โดยการลอกคูน้ำขึ้นมาทั้งหมด ทันทีหลังพบศพเด็กชาย และพนักงานสอบสวนนำตัวนายฝน ชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีการใช้คำถามชี้นำ จนทำให้นายฝนตอบเพียงคำว่า "อื้อ" เนื่องจากเป็นเด็กออทิสติก ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่มีการเรียกพยาน 8 ปาก ที่สามารถยืนยันที่ว่านายฝนไม่อยู่กับเด็กชาย 2 ขวบในวันเกิดเหตุ จนกระทั่งชาวบ้านออกมาประท้วงกดดัน ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นการจัดฉาก น่าจะมีการเสียชีวิตจากจุดอื่น ก่อนจะนำศพมาทิ้งในจุดที่พบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีการค้นหาในพื้นที่ดังกล่าว
ด้าน นายสมจิต พ่อของนายฝน กล่าวว่า ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากลูกไม่เคยออกนอกเส้นทางจากวัดกลับบ้าน มีเพียงครั้งเดียว และหลงหาทางกลับบ้านไม่ถูก ประกอบกับลูกชายมีอาการลมชัก ต้องกินยาสม่ำเสมอ โดยหลังจากนี้ ทางครอบครัวจะไปร้องต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยชุดพนักงานสอบสวนที่ทำคดีด้วย
อ่านข่าวเด็กหายในไร่อ้อยทั้งหมดที่นี่
