หมายเรียก'ครู-ปลัดทต.' คดีลักเงินสหกรณ์ครู1.6ล้าน
อาชญากรรม
Webmaster
2019-01-18 12:00:00
32
Webmaster
2019-01-18 12:00:00
32
-
สนับสนุนเนื่อหา
จากกรณี นางเยาวลักษณ์ ภูชุม อายุ 34 ปี พร้อม นางไสว บรรลือเสียง อายุ 60 ปี มารดาเข้าร้องทุกกับเข้าร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ให้ช่วยติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับการกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด และได้รับการอนุมัติเงินกู้จำนวน 2,000,000 บาท แล้วได้ถูกนายหน้าข้าราชการครูหักเงินไป 13% และหักเป็นค่าหุ้น 419,700 บาท เหลือ 1,580,300 บาท แต่กลับถูกปลอมแปลงเอกสารเบิกเงินกู้ไปจนหมดบัญชี ก่อนที่จะเข้าทวงถามความรับผิดชอบกับสหกรณ์ฯ พร้อมเรียกร้องให้ครูที่ถูกเอาเปรียบหักค่าหัวคิวออกมาเปิดโปงขบวนการดังกล่าว ซึ่งทางผจก.สหกรณ์ฯยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องร่วมกับนายหน้าปลอมลายเซ็นและเอกสารเบิกเงินกู้ 1.6 ล้านบาทของครูสาว พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์มาแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นางเยาวลักษณ์ และ นางไสว ได้เข้าพบ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และเร่งรัดติดตามคดีดังกล่าว ภายหลัง พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก ข้าราชการครูหญิงรายหนึ่ง และรองปลัดเทศบาลตำบล มาสอบสวนแล้ว ซึ่งถ้าหากไม่มาพบก็จะออกหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ขณะที่ พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัญย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นรับทราบมาว่า หลังจากออกหมายเรียกครูสาวและปลัดเทศบาลตำบล ก็ได้รับการติดต่อจากทั้งสองว่าจะเข้ามารับทราบข้อหาในวันที่ 19 ม.ค. นี้ แต่ล่าสุดทั้งสองกลับอ้างว่าไม่สะดวกและติดภารกิตยังมาให้ปากคำไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่หากยังไม่ยอมมาพบอีกก็ต้องออกหมายจับตามกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้เชิญเจ้าหน้าที่สหกรณ์ครูที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย
ขณะที่ นางเยาวลักษณ์กล่าวว่า อยากให้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์จำกัด ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย เพราะปล่อยให้มีการปลอมเอกสาร อีกทั้งเอกสารมีความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะใบมอบฉันทะและใบแสดงตัวตนผู้รับมอบฉันทะ นามสกุลคนที่เป็นรองปลัดเขียนไม่ตรงกัน แต่กลับไม่มีการตรวจสอบและปล่อยให้มีการเบิกเงินออกไปจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์เป็นล้านอย่างง่ายดาย อีกทั้งเอกสารสมุดบัญชีที่จะต้องโอนเงินเข้าก็มีการสับเปลี่ยน ซึ่งข้าราชการครูสาวคนดังกล่าวไม่สามารถทำคนเดียวได้ เจ้าหน้าที่ต้องรู้เห็นอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นทางสหกรณ์จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่นิ่งเฉย ปล่อยให้เงินกู้ของตนเองถูกเบิกออกไปจนหมดแล้วตนกลายเป็นหนี้แต่ไม่ได้ใช้เงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอย่างให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งระบบ เพราะเชื่อว่าต้องมีเจ้าหน้าที่ร่วมขบวนการหลายฝ่าย ซึ่งทางสหกรณ์ฯจะต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง....
ครูสาวแฉเงินกู้สหกรณ์1.6ล้าน ล่องหนมือดีถอนเกลี้ยง
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นางเยาวลักษณ์ และ นางไสว ได้เข้าพบ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม และเร่งรัดติดตามคดีดังกล่าว ภายหลัง พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก ข้าราชการครูหญิงรายหนึ่ง และรองปลัดเทศบาลตำบล มาสอบสวนแล้ว ซึ่งถ้าหากไม่มาพบก็จะออกหมายจับตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ขณะที่ พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัญย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นรับทราบมาว่า หลังจากออกหมายเรียกครูสาวและปลัดเทศบาลตำบล ก็ได้รับการติดต่อจากทั้งสองว่าจะเข้ามารับทราบข้อหาในวันที่ 19 ม.ค. นี้ แต่ล่าสุดทั้งสองกลับอ้างว่าไม่สะดวกและติดภารกิตยังมาให้ปากคำไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกอีกครั้ง แต่หากยังไม่ยอมมาพบอีกก็ต้องออกหมายจับตามกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะได้เชิญเจ้าหน้าที่สหกรณ์ครูที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย
ขณะที่ นางเยาวลักษณ์กล่าวว่า อยากให้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์จำกัด ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย เพราะปล่อยให้มีการปลอมเอกสาร อีกทั้งเอกสารมีความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะใบมอบฉันทะและใบแสดงตัวตนผู้รับมอบฉันทะ นามสกุลคนที่เป็นรองปลัดเขียนไม่ตรงกัน แต่กลับไม่มีการตรวจสอบและปล่อยให้มีการเบิกเงินออกไปจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์เป็นล้านอย่างง่ายดาย อีกทั้งเอกสารสมุดบัญชีที่จะต้องโอนเงินเข้าก็มีการสับเปลี่ยน ซึ่งข้าราชการครูสาวคนดังกล่าวไม่สามารถทำคนเดียวได้ เจ้าหน้าที่ต้องรู้เห็นอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นทางสหกรณ์จะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ใช่นิ่งเฉย ปล่อยให้เงินกู้ของตนเองถูกเบิกออกไปจนหมดแล้วตนกลายเป็นหนี้แต่ไม่ได้ใช้เงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอย่างให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งระบบ เพราะเชื่อว่าต้องมีเจ้าหน้าที่ร่วมขบวนการหลายฝ่าย ซึ่งทางสหกรณ์ฯจะต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง....
ครูสาวแฉเงินกู้สหกรณ์1.6ล้าน ล่องหนมือดีถอนเกลี้ยง
