'3สายล่อฟ้า'โล่ง'ว.5โฟร์ซีซั่น' ฎีกายืนจำคุก1ปีรอลงอาญา
อาชญากรรม
คดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ฝ่ายโจทก์ยื่นฎีกา ขอไม่ให้ศาลรอการลงโทษ ส่วนจำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลยกฟ้องด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทั้งฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลยต่างไม่ติดใจเอาความ จึงยื่นคำร้องขอถอนฎีกาออกจากการพิจารณาของศาลฎีกา
โดยวันนี้จำเลยทั้งสามเดินทางมาศาล เมื่อถึงเวลาศาลอ่านคำสั่งของศาลฎีกา เรื่องการขอถอนฎีกาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามถอนฎีกา เพราะคดีนี้ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นและส่งให้ศาลชั้นต้นพร้อมอ่านแล้ว ดังนั้นศาลจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาทันที โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ร่วมซึ่งเป็นแผ่นดีวีดีอัดรายการและคำถอดเทปแล้ว มีคำเช่นว่า "ปูเอาอยู่" โดยจำเลยอ้างว่าเป็นฉายาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปี 2554 นั้น แต่เมื่อพิจารณาบริบทซึ่งเป็นคำสนทนาของจำเลยทั้งสามแล้ว เป็นการสื่อความหมายไปในทางชู้สาวว่า วันที่ 8 ก.พ. 2555 โจทก์ร่วม ไม่เข้าประชุมสภา แต่ไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ด้วยภารกิจอะไร ซึ่งแม้โจทก์ร่วมจะเป็นบุคคลสาธารณะที่จำเลยทั้งสามที่เป็น ส.ส. จะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่วิธีการที่จำเลยทั้งสามพูดในเชิงชู้สาวดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมิชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนที่โจทก์ร่วมขอให้ไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยทั้งสามจะเป็นการกระทำที่มิชอบ แต่โจทก์ร่วมก็ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงการไม่เข้าร่วมประชุมสภาแล้วไปที่โรงแรมให้สาธารณชนรับทราบ โดยชั้นสืบพยาน โจทก์ร่วมก็ระบุเพียงว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อสอบถามแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากกรณีไม่เป็นความลับก็ไม่น่าทำให้เกิดความระแวงสงสัยเรื่องชู้สาวหรือผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งโจทก์ร่วมก็สามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้ การที่จำเลยเรียกร้องให้โจทก์ร่วมชี้แจงเป็นเจตนาดีเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ - จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายศิริโชคและนายชวนนท์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า เคารพคำพิพากษาของศาล ซึ่งศาลก็ระบุเหตุผลค่อนข้างชัดเจน ว่าแนวทางหรือวิธีการในการจัดรายการในวันนั้นมีเจตนาดี แต่อาจเป็นแนวทางที่เกินเลยข้อกฎหมายไป เพราะข้อเท็จจริง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไมได้ชี้แจงเหตุผลที่เดินทางไปประชุมโรงแรมโฟซีซั่นวันนั้น ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ศาลฎีกาจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยให้รอลงอาญา
เมื่อถามว่าศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกโดยรอลงอาญามีผลต่อการลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า ไม่มีผล เนื่องจากกรณีที่จะขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ศาลต้องมีคำพิพากษาจำคุกจริง แต่วันนี้ศาลให้รอลงอาญา จึงไม่มีผล เนื่องจากความผิดที่ได้รอลงอาญาไว้เป็นฐานหมิ่นประมาท ซึ่งในรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามผู้ถูกรอการลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทและความผิดลหุโทษ เป็น ส.ส. หรือเป็นรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่ออกมาขอโทษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะเราก็มีความรู้สึกอยู่แล้วว่าในบางคำพูดที่เราพูดไปสังคมทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ เราก็ขอโทษในประเด็นนั้นไป แต่ประเด็นหลัก ๆ คือการที่เราตรวจสอบการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าทำไมวันนั้นไม่ไปประชุมสภา ทำไมไปโรงแรมโฟซีซั่น ซึ่งศาลก็ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความจำเป็นจะต้องชี้แจงในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ชี้แจง.