ข่าวซิวผัวเมียทำลายกำไลEMหนี กลัวติดคุกโกงปชช.120ล้าน - kachon.com

ซิวผัวเมียทำลายกำไลEMหนี กลัวติดคุกโกงปชช.120ล้าน
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พ.ต.อ.อนุรักษ์ ยศประสิทธิ์ ผกก.สน.หลักสอง นำกำลังฝ่ายสืบสวนจับกุม นายทศพล หรือต้อม บุญมานุช อายุ 28 ปี และ น.ส.ปิยพร หรือ ฟิล์ม แส่สันเทียะ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ คดีร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินเล่นแชร์ออนไลน์ และช่วยกันทำลายกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ (กำไล) EM เพื่อหลบหนีจากการควบคุมตามคำสั่งศาลในชั้นการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอคำพิพากษาในคดี โดยจับกุมได้ภายในซอย 30 กันยา ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ.ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายทศพล และน.ส.ปิยพร หลังมีผู้เสียหายประมาณ 50 คน แจ้งความถูกหลอกให้โอนเงินเข้าร่วมเล่นแชร์ออนไลน์ลงทุนทำธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้แล้วหลบหนี สร้างความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อ้างว่าเปิดวงแชร์ให้ลูกค้าเล่นจริงมือละ 50,000 บาท ช่วงแรกมีการโอนดอกเบี้ยให้ตามตกลง แต่ระยะหลังถูกหุ้นส่วนโกงเงินไปทำให้แชร์ล่มไม่มีเงินชำระคืนผู้เสียหาย กระทั่งนำมาสู่การจับกุม และศาลให้ประกันตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขให้ใส่กำไลEM ระหว่างรอคำพิพากษา หลังตำรวจสืบทราบว่าทั้งสองคนทำลายกำไลEM แล้วหลบหนีจึงได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 



จากการสอบสวน นายทศพล ยอมรับว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.61 ได้ร่วมกันกับ น.ส.ปิยพร ตัดสินใจทำลายกำไล EM ที่ศาลสั่งให้สวมเอาไว้เพื่อหลบหนี เนื่องจากใกล้ถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจากศาลแล้ว เชื่อว่าคงต้องโทษติดคุกแน่ ประกอบกับไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายที่มีนับร้อยรายได้ทัน โดยวิธีทำลายกำไล EM นั้น ตนและภรรยาเพียงใช้กรรไกรตัวใหญ่สภาพคมๆ ช่วยกันตัด ใช้เวลานานพอสมควรและทำให้มีบาดแผลเกิดขึ้นที่ข้อเท้าเล็กน้อย เมื่อทำลายกำไลเป็นที่เรียบร้อย ตนก็พากันขับรถยนต์ไปกบดานอาศัยหลับนอนตามปั๊มน้ำมันต่างๆ เร่ร่อนไปถึง จ.นครราชสีมา หาห้องเช่ากระทั่งถูกฝ่ายสืบสวน สน.หลักสอง ตามไปจับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งการถูกจับกุมรอบนี้เชื่อว่าทั้งนายทศพล และ น.ส.ปิยพร ไม่น่าจะได้รับอิสรภาพออกมาสู้คดีเหมือนอย่างที่เคยได้รับโอกาสมาแล้ว.