ข่าวทลายเครือข่ายยา'บ้านนา 500 ล้าน'อ้างปล่อยเงินกู้ - kachon.com

ทลายเครือข่ายยา'บ้านนา 500 ล้าน'อ้างปล่อยเงินกู้
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s
 เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.  พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2  และกอ.รมน. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด “บ้านนา 500 ล้าน”จำนวน 21 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี 8 เป้าหมาย จ.สมุทรปราการ 3เป้าหมาย จ.ปทุมธานี 8 เป้าหมาย และนครนายก 2 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คดี รวม 5 คน ยึดทรัพย์ของกลางมูลค่ารวมกว่า 30,096,000 บาท



คดีแรก เจ้าหน้าที่บช.ปส. ตำรวจ บช.ภ.1 จับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน จำนวน 3 ราย คือ นายวีรยุทธ์ เก่งพิพัฒน์ตระกูล อายุ 33 ปี นายภานุพงศ์ แก้วแจ่มใส อายุ 21 ปี และนายอดิศักดิ์ พลเหิม อายุ 28 ปี  พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด 8 รายการ ประกอบด้วย บ้าน 4 หลัง คอนโดมิเนียม 1 หลัง  รถยนต์ 4 คัน รถจยย. 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง  เงินสด 1,400,000 บาท ทองรูปพรรณ 10 รายการ นาฬิกาข้อมือ 20 รายการ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม รวมมูลค่ากว่า 27,340,000บาท ส่วนคดีที่ 2 จับกุมนายขวัญ เล็บขาว อายุ 32 ปี และน.ส.เจนจิรา วงษ์บุตรดี อายุ 26 ปี โดยแจ้งข้อหาว่า สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 1 คัน ทองรูปพรรณ 9 รายการ เงินสด441,000 บาท ไอแพด 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม รวมมูลค่า 2,756,000บาท  สอบสวนนายวีรยุทธ์ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับเครือข่ายยาเสพติด ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดนั้นได้มาจากการปล่อยเงินกู้ แต่ทางตำรวจสืบทราบว่าเงินในบัญชีเครือข่ายนี้ประมาณ 500 ล้านบาท แต่หากรวมทั้งระยะเวลา 3 ปีมีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่จ.ปทุมธานี และอ.บ้านนา จ.นครนายก นอกจากนี้ ยังพบความเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย
     
           

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าประเทศเมียนมาร์มีการจับกุมเครือข่าย “มันทุกเม็ด” กับ “เทพโซโล” และเตรียมที่จะส่งตัว 5คนในเครือข่ายดังกล่าวให้กับทางการไทยในช่วงบ่ายวัน ว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบเรื่องและไม่มีข้อมูลดังกล่าว หากเป็นจริงก็ต้องแยกออกเป็น 2 คดี คือ คดีทำร้ายร่างกาย และคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ในส่วนของคดียาเสพติด อยู่ในอำนาจหน้าที่ของตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่จะต้องนำตัวมาดำเนินคดี.