ข่าวพ่อนศ.เทคโนฯเสียใจ-เครียด เจอโซเชียลวิจารณ์หนัก! - kachon.com

พ่อนศ.เทคโนฯเสียใจ-เครียด เจอโซเชียลวิจารณ์หนัก!
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s
จากกรณี นายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ ก่อเหตุใช้ปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ขณะควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดบนท้ายรถกระบะของตำรวจ กก.สส.บก.น.4 จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตำรวจจึงใช้ปืนยิงสวนกลับไปจนนายเอกชัยเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนร่มเกล้า ปากซอยร่มเกล้า 6 แขวงและเขตมีนบุรี เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ในฐานะประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเดินทางมาขอความเป็นธรรมให้ครอบครัวผู้ตาย เนื่องจากมีข้อสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของนายเอกชัยว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะมีภาพวงจรปิดที่เกิดเหตุคล้ายตำรวจยิงซ้ำหลังผู้ตายถูกควบคุมตัวแล้ว โดย นายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ทางครอบครัวผู้ตายไม่ได้ร่วมเดินทาง เพราะเสียใจและมีความเครียดเนื่องจากวานนี้ (14 ก.พ.)  มีสื่อมวลชนบางสำนักนำคลิปภาพวงจรปิดขณะเกิดเหตุไปเผยแพร่ทำให้มีเสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์จำนวนมาก ตนได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้ว ถ้ามีแค่คลิป 2 ภาพนี้ก็เป็นเรื่องของการยิงต่อสู้กัน 2 ฝ่าย โดยอีกฝ่ายป้องกันตัว แต่อาจจะเกิดอุบัติเหตุในเรื่องของล้มแล้วมีการยิงซ้ำ ซึ่งจากการพูดคุยพ่อผู้ตายขอเวลาทำใจอีกประมาณ 2-3 วัน อย่างไรก็ตาม คดีนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 5 วัน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ยังไม่สรุปประเด็นให้ทางญาติผู้ตายเข้าใจว่าประเด็นที่เกิดขึ้นมีความเป็นมาอย่างไร ตนอยากให้รีบชี้แจงเพราะลูกเขาตายมา 5 วันแล้ว ตนเห็นว่าควรจะพาครอบครัวผู้ตายเข้าไปชี้แจงก่อน และเขายังสงสัยสาเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนคลิปวิดีโอเหตุการณ์แม้จะมีมากกว่านี้ แต่ขาดประเด็นว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นจึงยังไม่มีความกระจ่าง 

นายรณณรงค์ กล่าวต่อไปว่า พี่ชายของผู้ตายได้แจ้งกับตนว่าถ้าเจ้าหน้าที่ชี้แจงแล้วเข้าใจกัน ทางครอบครัวก็จบไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงอยากให้ความจริงกระจ่าง ส่วนเรื่องสาเหตุขณะนี้ตนยังไม่ทราบเหตุใดกลุ่มผู้ตายจึงเปิดฉากยิงตำรวจก่อน ถ้ามีการตัดต่อคลิปมาแค่เฉพาะช่วงนั้นจะเห็นว่าเด็กยิงก่อน แต่ก่อนหน้านั้นเกิดเหตุอะไรขึ้นยังเป็นจุดที่ยังคาใจอยู่ ส่วนกรณีพยานในที่เกิดเหตุขอความคุ้มครองนั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับน้องทราบว่าไม่ได้ถูกข่มขู่ แต่ไม่มีการสอบปากคำตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน เพราะวันที่นำตัวพยานไปไม่มีการสอบปากคำผ่านอัยการและสหวิชาชีพ มีการพยายามกดดันให้น้องเขียนคำรับสารภาพ โดยไม่ผ่านทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งผิดหลักการทำงานของการสอบสวนเด็กและเยาวชน ตนอยากให้สอบปากคำโดยไม่ต้องผ่านตำรวจ ส่วนการเรียกร้องและฟ้องร้องรอให้ทางครอบครัวผู้ตายชี้แจงเพราะเป็นผู้เสียหายทางนิตินัย ตนเองไม่รู้ครอบครัวเขาทำใจได้แค่ไหน.