ข่าวฆ่าโหดสาวฝังดินหมกบ้านหรู สามีป่วยซึมเศร้าล่องหน! - kachon.com

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พ.ต.ท.สุวัตน์ องตองรองผกก.(สอบสวน) สน.ทุ่งครุ รับแจ้งเหตุฆ่าฝังดินหมกกองทราย ภายในหมู่บ้านชื่อดังแห่งหนึ่ง ซอยประชาอุทิศ 86 แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุรเวช การวัฒนาศิริกุล ผกก.สน.ทุ่งครุ แพทย์เวรรพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นโครงการหมู่บ้านหรู ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 8/101 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 75 ตารางวา ตรงซอกทางซ้ายมือของตัวบ้าน มีกองทรายตั้งไว้ เจ้าหน้าที่ต้องขุดลึกลงไปเกือบเมตร หลุมยาว 2 เมตร กว้าง 1 เมตร จึงพบศพ นางอิษฎา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ฝังอยู่ในกองทรายนอนคว่ำหน้าในหลุม สวมเสื้อ กางเกงขายาวลายสก็อต ไม่สวมรองเท้า ตรวจพบบาดแผลเป็นรูคล้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดที่ศีรษะด้านหลัง 1 แผล และที่แผ่นหลังเหนือสะโพกมีแผลฉกรรจ์คล้ายถูกแทงด้วยของมีคม 1 แผล เบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ได้กันสื่อมวลชนและผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้าภายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด

สอบสวนพยานให้การว่า บ้านดังกล่าวพักอาศัยกันทั้งหมด 6 คน มี พ่อ แม่ และลูก 4 คน สามีชื่อ นายนพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ส่วนภรรยาคือ นางอิษฎาผู้เสียชีวิต ทั้งคู่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าต้องรับประทานยาตลอด โดยสามีเป็นนายหน้าขายบ้านแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานอะไร โดยทั้งสองแต่งงานกันในปี 50 แล้วแยกกันอยู่ในปี 59 แต่ก็มีการติดต่อกันเรื่อยมา และเพิ่งจะกลับมาอยู่ด้วยกันได้ไม่กี่เดือนแต่ก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งมาโดยตลอด รวมถึง รปภ.ของทางหมู่บ้านก็ให้การว่า ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เห็นรถบรรทุกทรายนำทรายเข้ามาส่งที่บ้านหลังนี้ 2 เที่ยว



พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุทางน้องผู้เสียชีวิตได้ไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งครุ เมื่อวันที่ 17 ก.พ ว่า ติดต่อผู้เสียชีวิตไม่ได้เลย จากปกติที่คุยกันทางเฟซบุ๊กกับพี่ตลอดจึงแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหา ตำรวจจึงคาดว่าอาจจะหายตัวไปแล้ว 10 กว่าวัน ก่อนเกิดเหตุได้สอบปากคำสามีผู้ตายมาแล้วก็ให้การไม่มีข้อพิรุธแต่อย่างใด โดยวันนี้ทางสามีผู้ตายได้นัดให้ตำรวจมาตรวจสอบที่บ้านแต่เมื่อตำรวจไปถึงกลับไม่พบสามี เจอแต่พ่อสามีเมื่อตรวจสอบบ้านก็พบเหตุดังกล่าวขึ้น ทั้งนี้ทางครอบครัวนี้ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่หลังตรุษจีนเพราะทางลูกก็ไปอยู่กับปู่ที่บ้านหลังอื่น ซึ่งจะได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเพื่อหาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรต่อไป