คุก2ปี6เดือน'ดิสธร วัชโรทัย' ปฏิบัติหน้าที่ทุจริต-ฉ้อโกง
อาชญากรรม
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. สำนักข่าวอิศรา ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บชก.) ว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2561 ศาลอาญา มีคำพิพากษาจำคุก นายดิสธร วัชโรทัย อดีตข้าราชการประจำสำนักพระราชวัง เป็นระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน จากความผิดในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันแจ้งข้อความเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย และร่วมกันฉ้อโกงอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 157, 341 ประกอบมาตรา 83 ตามคำฟ้องของ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามรายงานสอบสวนคดีที่ 79/2560 คดีดำ อท.172/2561 คดีแดง อท.204/2561
เบื้องต้น ศาลฯ มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 341 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตซึ่งเป็นบทลงโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ให้จำคุก 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
ขณะที่อัยการมีความเห็นไม่อุทธรณ์คำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องและลงโทษจำเลยตามคำฟ้องนั้นชอบแล้ว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560 สำนักพระราชวัง ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ นายดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ออกจากราชการเนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หลังพบว่าได้กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหลายกรณี อาทิ ใช้อำนาจสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ยังได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าวเสนอต่อกรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และนายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธยเพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง..
ไล่'ดิสธร'พ้นวัง ประพฤติชั่วร้ายแรง-เรียกคืนเครื่องราช