'ครูจอมทรัพย์-ครูอ๋อง'นอนคุก ลุ้นศาลอุทธรณ์ให้ประกัน
อาชญากรรม
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 2 ชั้น 2 ศาลจังหวัดนครพนม มีการพิจารณาคดีที่พนักอัยการจังหวัดนครพนมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือศรีบุญหอม วัย 57 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร จำเลยในคดีอาญาเลขที่ 295/61 ข้อหาซ่องโจร เบิกความเท็จ และแจ้งความอันเป็นเท็จ หลังร่วมกับพวกประกอบด้วย 1.นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง 2.นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 3.นางทองเรศ วงศ์ศรีชา 4.นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีนางจอมทรัพย์ 5.นายเสน่ห์ สุพรรณ (เพื่อน) 6.นางรจนา จันทรัตน์ (เพื่อน) และ 7.น.ส.วาสนา เพ็ชรทอง หลานสาว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากนางจอมทรัพย์ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี 2548 ที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2556 ตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.2558 นางจอมทรัพย์ได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำกลางนครพนม รวมถูกจำคุก 1 ปี 6 เดือน หลังพ้นโทษได้ร้องขอความเป็นธรรม เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมช่วยรื้อฟื้นคดีใหม่ โดยอ้างว่าตนเองตกเป็นแพะ
กระทั่งศาลจังหวัดนครพนมนัดสืบพยาน ตามที่นางจอมทรัพย์ร้องขอใน พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ ระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.2560 โดยอ้างชื่อนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดี แต่ในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องกลับไม่ได้นำตัวนายสับ กุญแจดอกสำคัญขึ้นเบิกความในชั้นศาล
ต่อมาวันที่ 17 พ.ย.60 ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์พิจารณายกคำร้องของนางจอมทรัพย์ หลังพยานหลักฐานต่างๆ ไม่น่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งความดำเนินคดีกับขบวนการจ้างแพะช่วยแกะ เริ่มจากนายสับเข้ามอบตัว พร้อมยอมรับว่าไม่ได้ขับรถชนคนตาย ตามที่ให้การกับตำรวจในตอนต้น แต่มีนายสุริยา หรือครูอ๋อง มาติดต่อและรับปากจะให้เงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่ยังไม่มีการจ่ายเงินกัน
ต่อมาวันที่ 25 พ.ย.2560 เจ้าหน้าที่บุกจับกุมครูจอมทรัพย์ที่บ้านพักใน จ.สกลนคร ในคดีซ่องโจร และให้การเท็จต่อศาล พร้อมฝากขังศาลจังหวัดนครพนมโดยไม่อนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่ครูอ๋องหลบหนีออกจากบ้านพัก ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ที่สถานีรถไฟหลักสี่ กทม. ส่วนจำเลยรายอื่นๆ ถูกดำเนินคดีตามที่หลักฐานพยานโยงไปถึง
ผู้สื่อข่าวรางานว่า นายสุริยา เพื่อนครูจอมทรัพย์ได้เดินทางมาถึงศาลเป็นคนแรก โดยกล่าวยอมรับว่าตนถูกตั้งข้อหา 10 คดี วันนี้ไม่ได้เตรียมการอะไรมา ส่วนครูจอมทรัพย์ถูก 6 คดี ขณะที่นางทัศนีย์เดินทางมาถึงด้วยสีหน้าวิตกกังวล และหลบเลี่ยงผู้สื่อข่าวขึ้นไปชั้นบนศาล
ต่อมา ครูจอมทรัพย์ ได้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครพนมพร้อมกับทนายความ สวมใส่ชุดขาวกางเกงขาสั้นสีขาว หลบเลี่ยงสื่อมวลชน โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์อะไร อย่างไรก็ตามบริเวณโดยรอบศาล ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองนครพนม ร่วม 10 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อยด้วย
กระทั่งหลังศาลจังหวัดนครพนม ได้อ่านคำพิพากษากว่า 300 หน้า ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ได้พิพากษานางจอมทรัพย์ จำเลยที่ 1 จำคุก 8 ปี นายสุริยา หรือครูอ๋อง เพื่อนนางจอมทรัพย์ จำเลยที่ 2 จำคุก 7 ปี 9 เดือน จำเลยที่ 3 นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ จำคุก 2 ปี 19 เดือน จำเลยที่ 4 นางทองเรศ วงศ์ศรีชา จำคุก 2 ปี 12 เดือน จำเลยที่ 5 นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีนางจอมทรัพย์ จำคุก 2 เดือน ส่วนนายเสน่ห์ นางรจนา และ น.ส.วาสนา หลานสาวนางจอมทรัพย์ จำเลยที่ 6-8 ศาลพิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้ จำเลยที่ 1-7 ศาลฯได้ยกฟ้องในข้อหาซ่องโจร แต่ลงโทษในข้อหาแจ้งความเท็จ และแจ้งความอันเป็นเท็จ โดยนายประทีป นวลเศรษฐ ทนายความของนางจอมทรัพย์และนายสุริยา ได้ยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เก่าที่ยื่นไว้ จำนวน 5 แสนบาท ต้องนอนเรือนจำก่อน 1 คืน จากนั้นค่อยต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายสับ-นางจันทร์ วาปี นั้นได้รับสารภาพในข้อหาเบิกความเท็จ และแจ้งความเท็จไปก่อนหน้านี้แล้ว ศาลจังหวัดนครพนมจึงได้แยกสำนวน เป็นคดีหมายเลข อ.290/61 และคดีหมายเลขแดงที่ 4645/2561 โดยวันที่ 25 ก.ย.61 ศาลจังหวัดนครพนมมีคำพิพากษาว่า นายสับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด
ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน จำคุก 2 เดือน ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนฯ และฐานร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานฯ จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญาต่อศาล จำคุก 3 ปี ฐานซ่องโจร 1 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เฉพาะฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีคดีอาญาต่อศาล เป็นจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 10 เดือน ขณะที่นางจันทร์จำเลยที่ 2 มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาแก่พนักงานสอบสวน จำคุก 6 เดือน ฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 9 เดือน
โดยศาลพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยที่ 2 ประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 2 แม้ไม่เคยมีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน แต่จำเลยกระทำความผิดในคดีนี้ เนื่องจากเห็นแก่อามิสสินจ้างเพื่อประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตามพฤติการณ์นับเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุอันควรรอการลงโทษ หลังสิ้นคำพิพากษานายสับและนางจันทร์ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เพื่อขอความเมตตาในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อมาว่า ศาลจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งให้ประกันตัวนางทองเรศ ด้วยวงเงินประกัน 1.5 แสนบาท ส่วนนางทัศนีย์ญาติใช้ตำแหน่งข้าราชการประกันตัวออกไป สำหรับนางจอมทรัพย์และนายสุริยา ศาลชั้นต้นให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้ตัดสินว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่