'หนุ่ม กะลา'โล่ง! ศาลทรัพย์สินฯสั่งรอกำหนดโทษไว้1ปี
อาชญากรรม
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายณพสิน แสงสุวรรณ หรือ หนุ่ม วงกะลา อายุ 37 ปี นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง ของค่ายจีนี่เรคอร์ดส เป็นจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1348/2561 เรื่อง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า จำเลย ละเมิดลิขสิทธิ์ในงานสร้างสรรค์ประเภทดนตรีกรรม สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ ของ บริษัทผู้เสียหาย โดยการนำ "เพลงยาม" ไปขับร้องให้เกิดเสียงเพลง และการบรรเลงทำนอง ซึ่งจัดแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่งอันเป็นการแพร่เสียงต่อสาธารณชน โดยจำเลยได้รับประโยชน์ตอบแทนอันเป็นการกระทำโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย และไม่ได้รับยกเว้นตามกฎหมาย ซึ่งคู่ความ แถลงรับข้อเท็จจริง ร่วมกันว่า บริษัทผู้เสียหาย เคยอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ในงานเพลงยามของศิลปินวงลาบานูน ของผู้เสียหายดังกล่าว ให้แก่บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค พับลิชชิ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ต้นสังกัดของจำเลย ซึ่งต่อมาสัญญาได้สิ้นสุดลงและผู้เสียหายได้บอกเลิกสัญญากับบริษัท จีเอ็มเอ็มฯ แล้ว
ต่อมาผู้เสียหายดำเนินคดีกับจำเลยในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เนื่องจากจำเลยนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ดังกล่าวของผู้เสียหายออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยการขับร้องเพลงของผู้เสียหายที่สถานที่ต่างๆ รวม 44 ครั้ง ผู้เสียหายไม่ได้มีหนังสือแจ้งเตือนและขอให้จำเลยหยุดการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งก่อนแจ้งความร้องทุกข์และภายหลังจากแจ้งความร้องทุกข์แล้วไม่ปรากฏว่าจำเลยได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยการขับร้องเพลงดังกล่าวอีก ซึ่งปัจจุบันโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยในการกระทำผิดดังกล่าวต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง รวมทั้งสิ้น19 สำนวน
ทั้งนี้ นายณพสิน หรือหนุ่ม วงกะลา จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดจริง แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยทำความผิดอาญามาก่อน ศาลจึงให้รอการกำหนดโทษไว้ก่อน
ภายหลัง "หนุ่ม วงกะลา" กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดพร้อมในคดีที่ถูกฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ทั้ง 19 สำนวน ซึ่งตนได้ให้การยอมรับผิด ศาลจึงพิพากษารอการกำหนดโทษ 1 ปี โดยในระหว่าง 1 ปีนี้ห้ามกระทำผิดซ้ำ ซึ่งผลการตัดสินดังกล่าวมาจากการที่ตนไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ในส่วนของคดีอาญาวันนี้ถือว่าสิ้นสุดทั้งหมดแล้ว สำหรับคดีที่เหลือเป็นเรื่องทางแพ่งต้องรอศาลนัด ตนชัดเจนรับสารภาพทั้งหมด แต่เรื่องค่าเสียหายทางแพ่งค่ายเพลงต้นสังกัดจะเป็นผู้ดำเนินการเจรจาแทน ส่วนที่โจทก์บอกว่าถอยออกมาแล้วตนไม่ทราบ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นคดีเก่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่ม.ค.ปีที่แล้ว แต่มีการฟ้องร้องมายาวนาน วันนี้รู้สึกโล่งอกขึ้นส่วนหนึ่ง เพราะยังเหลือคดีแพ่งที่ต้องรอการพูดคุยเจรจา
"อยากขอบคุณแฟนเพลง ทุกกำลังใจ พี่ๆ ในค่าย ที่ทำให้เราเข้มแข็งและเดินทางมาถึงวันนี้ ผมกล้ายืนยันว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ใช้ของปลอม เพราะผมเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานเอง แต่งเพลงเอง ผมเคารพสิทธิ์เรื่องนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดที่ผมไม่ทราบจริงๆ อยากเตือนน้องๆ ว่าเรื่องลิขสิทธิ์เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเราอยู่ในวงการควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าใครที่กำลังทำไปโดยไม่รู้ ขอให้ตรวจสอบให้ดีดูผมเป็นตัวอย่าง" นักร้องนำวงกะลา กล่าว
ด้านนายชนินทร์ วรากุลนุเคราะห์ ผู้บริหารบริษัทมิวสิคบัค จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราเคยไกล่เกลี่ยกันไปแล้วในชั้นศาลตามคำชี้แนะของศาล เพราะศาลเห็นว่าคดีประเภทนี้น่าจะตกลงกันได้ ซึ่งมูลค่าความเสียหายทางแพ่งในส่วนการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงยาม 44 ครั้ง เราเรียกค่าเสียหายครั้งละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 44 ล้านบาท สำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์เพลงก่อนตาย 28 ครั้งเราเรียกค่าเสียหายครั้งละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 28 ล้านบาท ซึ่งความเสียหายครั้งละ 1 ล้านที่เราเสนอไป เราได้ถอยมาหลายก้าวแล้ว โดยการเจรจาไกล่เกลี่ยตนก็เพิ่งได้พูดคุยกับกรรมการบริหารระดับสูงของ บริษัทจีเอ็มเอ็มฯ เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเรายื่นฟ้องคดีแพ่งทั้งสองสำนวนไปช่วงเดือน ก.ย.61 ส่วนรายละเอียดการเจรจาว่าเคยคุยอะไรกันบ้างเปิดเผยไม่ได้ โดยต้นสังกัดเขาจะถอยด้วยหรือไม่นั้นถ้าเขาถอยด้วยก็สามารถตกลงกันได้ แต่ถ้าไม่ถอยก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งคดีแพ่งนี้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ กำหนดนัดพิจารณาติดตามผลการไกล่เกลี่ยทั้ง 2 สำนวนอีกครั้ง ช่วงเช้าวันที่ 18 เม.ย.นี้