ปปง.ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส่องผู้สมัครส.ส.ซื้อเสียง
อาชญากรรม
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ปปง. ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้งส.ส. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขึ้นเพื่อดำเนินการประสานและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งตามมาตรา 73 วรรคหนึ่งและวรรคสาม บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชนสมาคมมูลนิธิวัดสถานศึกษาสถานสงเคราะห์หรือสถาบันอื่นใด ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย โดยศูนย์ปฏิบัติงานการเลือกตั้งฯ มีหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางประสานรับและส่งเรื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. และรวบรวมข้อมูลหรือหลักฐานเพื่อขยายผลในการดำเนินการตามกฎหมาย และรับหรือส่งรายงานหรือข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก กกต. เพื่อให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของพรรคการเงินหรือผู้สมัครส.ส. ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งฯ ดังกล่าวเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เมื่อมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาที่ศูนย์ จะถูกส่งให้ กกต. ตรวจสอบ โดยกกต.จะส่งเรื่องไปยังกกต.จังหวัดในพื้นที่ถูกร้องเรียนสืบสวนข้อเท็จจริง หากมีมูลความผิดกกต.ก็จะดำเนินการทางอาญาและส่งเรื่องให้ปปง.ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินต่อไป” รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวและว่า ปปง. ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้สมัคร ส.ส. ให้ระมัดระวังการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองหรือการหาเสียงทุกรูปแบบในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากจะเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งอาจถูกยึดและอายัดทรัพย์ได้ สำหรับบุคคลที่มีพฤติการณ์โอนหรือรับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินแล้ว อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชนที่พบเห็นผู้ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสมายังสำนักงาน ปปง. ได้ที่ สายด่วน ปปง.1710