เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่บัลลังค์ 8 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนั
กงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายพูล้
า อายุ 22 ปี (สัญชาติลาว) เป็นจำเลยว่า กระทำผิดกฎหมายฐานเป็นคนต่างด้
าวอยู่ในราชอาณาจั
กรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด ฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ฐานฆ่าชิงทรัพย์นางมะลิ อิ่มสวัสดิ์ อายุ 68 ปี ฆ่าเด็กหญิงอิสห์ยา เพิกเฉย อายุ 12 ปี ฐานพยายามฆ่าเด็กหญิงอาภารัตน์ สำรวย อายุ 9 ปี โดยทารุณโหดร้ายเพื่
อความสะดวกในการกระทำผิดฐานชิ
งทรัพย์ เพื่อปกปิดความผิด และฐานฆ่าแมวอันเป็นทารุ
ณกรรมโดยไม่มีเหตุสมควร
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลั
กฐานโจทก์ประกอบคำรั
บสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยหยิบอาวุธมีดจากในครัวแล้
วงัดช่องลมห้องน้ำปีนเข้าไปในบ้
านของนางมะลิ เพื่อลักทรัพย์ พบนางมะลิจึงบีบคอ ทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธมีดปาดลำคอนางมะลิแล้
วหยิบเอา ทรัพย์ไป เมื่อเด็กหญิงอิสห์ยาและเด็กหญิ
งอาภารัตน์ตื่นขึ้นร้องโวยวาย จำเลยจึงใช้อาวุธมีดปาดลำคอเด็
กหญิงอิสห์ยา และเด็กหญิงอาภารัตน์แล้วหลบหนี
ไปที่ จ.มุกดาหาร เพื่อจะกลับประเทศสาธารณรั
ฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุ
มได้เสียก่อน การที่จำเลย ใช้อาวุธมีดซึ่งมี
ความแหลมคมและมี
ขนาดความยาวรวมด้าม40 ซม. ปาดลำคอนางมะลิ กับใช้อาวุธมีดซึ่งมี
ความแหลมคมและขนาดความยาวรวมด้
าม 39 ซม. ปาดลำคอเด็กหญิงอิสห์ยาจนถึงแก่
ความตาย และปาดคอเด็กหญิงอาภารัตน์ จนเกิดบาดแผลฉีกขาดที่ลำคอด้
านหน้า ขนาดใหญ่ และลึกถึงขนาดทำให้
หลอดลมและหลอดอาหารฉีกขาด เสียเลือดปริมาณมาก ได้รับ บาดเจ็บสาหัส เป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษประหารชีวิตเพี
ยงสถานเดียว แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่
เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เพราะจำเลยกระทำโดยอุกอาจต่อหญิ
งชราและเด็กหญิงอย่างโหดเหี้
ยมทารุณผิดวิสัย มนุษย์ นับเป็นภัยต่อสุจริตชน จึงไม่มีเหตุอันควรปราณีที่
จะลดโทษให้ กับให้จำเลยชดใช้ค่าสิ
นไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 และที่ 2 เป็นเงินคนละ 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันก่อเหตุเป็นต้นไปจนกว่
าจะชำระเสร็จ กับให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็น เงิน 1,800,000 บาทแก่โจทก์ร่วมที่ 3 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันก่อเหตุเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่
งให้เป็นพับ
อ่านข่าว คดีหนุ่มลาวฆ่าปาดคอยาย-หลาน ทั้งหมดได้ที่นี่