กกต.แจ้งจับคนกุข่าวถูกปลด ปมสลับรถขนบัตรเลือกตั้ง
อาชญากรรม
Webmaster
2019-03-26 13:55:00
21
Webmaster
2019-03-26 13:55:00
21
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. นำพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เดินทางไปที่สำนักงาน กกต.ชั้น 7 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าพบ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง รวมทั้งนายฉัตรไชย จันทร์พลายศรี และ นายปกรณ์ มหรรณพ กรรมการ กกต. 2 ท่าน ที่ถูกกล่าวหาว่า บุคคลทั้งสองคนถูกตำรวจจับและโดนปลด โดยมีการพาดหัวข่าวระบุว่า "ปลดด่วน! 2 กกต.สลับรถขนบัตร... อัพยศ ที่สุดประเทศไทย ยัดบัตรผี 600,000 ใบ สลับรถในโรงรถ ปธ.ชี้ อาจมีเลือกตั้งใหม่”
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาทางศูนย์เฝ้าระวังโซเชียล บก.ปอท. ตรวจสอบพบว่า สำนักข่าวปลอมแห่งหนึ่งน่าเชื่อว่าเป็นสำนักที่ตั้งขึ้นมาเอง เพื่อนำเสนอข่าวปลอม แรกเริ่มจะเสนอข่าวที่มีอยู่ในโซเชียลทั่วๆ ไป ก่อนจะสร้างหรือผลิตข่าวปลอมออกมาให้คนหลงเชื่อแชร์ข่าวปลอมออกไปในสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ที่คนไทยนิยมใช้งานกันจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.ทำการตรวจสอบด้านเทคนิคเพื่อหาผู้ดูแลและแหล่งที่มาอยู่ เพื่อขออนุมัติหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวของกับการแพร่ข่าวอันเป็นเท็จดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เช้านี้ตนได้ประสานไปยัง ผอ.ฝ่ายกฎหมาย ของ กกต. แจ้งว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าข้อมูลที่มีการปลด กกต. 2 ท่าน เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของ กกต.กำลังรวบรวมหลักฐานเสนอเลขาฯ กกต. เพื่ออนุมัติให้มาแจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการกระทำในลักษณะสร้างหรือผลิตข่าวปลอม ในลักษณะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14(2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และฝากเตือนคนที่จะแชร์ข่าวปลอมเหล่านี้ว่าจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(5) ซึ่งมีอัตราโทษเท่ากับคนนำเข้าสู่ระบบ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ฝากเตือนผู้ใช้งานโซเชียลว่า ควรตรวจสอบข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวัง โดยตรวจสอบกับสำนักข่าวที่มีมาตรฐาน หรือเว็บไซต์ของทางรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูก่อนว่าเรื่องหรือข่าวเหล่านั้นเป็นความจริงหรือน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ก่อนจะส่งต่อให้คนอื่น” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ได้ฝากให้ทาง บก.ปอท.เร่งติดตามจับกุมคนที่สร้างข่าวเท็จมาดำเนินคดีโดยเร็ว นอกจากข่าวปลด 2 กกต.แล้ว ยังพบว่ามีการปลอมข่าวเรื่องบัตรเลือกตั้ง 20 ล้านใบอีก 1 ข่าว จึงฝากตำรวจ บก.ปอท. สืบสวนสอบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาทางศูนย์เฝ้าระวังโซเชียล บก.ปอท. ตรวจสอบพบว่า สำนักข่าวปลอมแห่งหนึ่งน่าเชื่อว่าเป็นสำนักที่ตั้งขึ้นมาเอง เพื่อนำเสนอข่าวปลอม แรกเริ่มจะเสนอข่าวที่มีอยู่ในโซเชียลทั่วๆ ไป ก่อนจะสร้างหรือผลิตข่าวปลอมออกมาให้คนหลงเชื่อแชร์ข่าวปลอมออกไปในสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ที่คนไทยนิยมใช้งานกันจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.ทำการตรวจสอบด้านเทคนิคเพื่อหาผู้ดูแลและแหล่งที่มาอยู่ เพื่อขออนุมัติหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวของกับการแพร่ข่าวอันเป็นเท็จดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เช้านี้ตนได้ประสานไปยัง ผอ.ฝ่ายกฎหมาย ของ กกต. แจ้งว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าข้อมูลที่มีการปลด กกต. 2 ท่าน เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของ กกต.กำลังรวบรวมหลักฐานเสนอเลขาฯ กกต. เพื่ออนุมัติให้มาแจ้งความร้องทุกข์กับ บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการกระทำในลักษณะสร้างหรือผลิตข่าวปลอม ในลักษณะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14(2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และฝากเตือนคนที่จะแชร์ข่าวปลอมเหล่านี้ว่าจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ มาตรา 14(5) ซึ่งมีอัตราโทษเท่ากับคนนำเข้าสู่ระบบ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ
“ฝากเตือนผู้ใช้งานโซเชียลว่า ควรตรวจสอบข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวัง โดยตรวจสอบกับสำนักข่าวที่มีมาตรฐาน หรือเว็บไซต์ของทางรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูก่อนว่าเรื่องหรือข่าวเหล่านั้นเป็นความจริงหรือน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด ก่อนจะส่งต่อให้คนอื่น” พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ได้ฝากให้ทาง บก.ปอท.เร่งติดตามจับกุมคนที่สร้างข่าวเท็จมาดำเนินคดีโดยเร็ว นอกจากข่าวปลด 2 กกต.แล้ว ยังพบว่ามีการปลอมข่าวเรื่องบัตรเลือกตั้ง 20 ล้านใบอีก 1 ข่าว จึงฝากตำรวจ บก.ปอท. สืบสวนสอบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
