ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คุก10ปี'เดอะบิ๊ก'ปลอมตั๋วเงิน
อาชญากรรม
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ในคดีดำ อ.1134/59 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ "เดอะบิ๊ก" เจ้าของฉายา "ปาเกียวเมืองไทย" อดีตประธานสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ จำเลยที่ 1 และ นายสิทธินันท์ หลอมทอง อายุ 36 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 , 266 (4) ,268
ตามฟ้องโจทก์ บรรยายสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 21 ธ.ค.56 - 21 ก.ค. 57 จำเลยกับบริษัท บิลเลี่ยน อิโนเวเทค กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงิน มูลค่า 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือประมาณ 3,200 ล้านบาทไปแสดงต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ ผู้เสียหาย จนหลงเชื่อว่า เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของ บริษัท บิลเลี่ยนฯ จำนวน 2,100 ล้านบาท ที่จำเลยกับพวกร่วมกันนำมาหลอกขายให้ สกสค. ทำให้สกสค.เชื่อว่า พวกจำเลยสามารถหาหลักทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับธนาคารเป็นอาวัล (การรับประกัน การใช้เงินตามตั๋วเงิน) กระทั่งคณะกรรมการบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ชพค.ยึดถือไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำให้เกิดความเสียหาย
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 61 ลงโทษจำคุก นายสัมฤทธิ์ เป็นเวลา 10 ปี ภายหลังฝ่ายจำเลยยื่นอุทธรณ์อ้างว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องแต่อย่างใด
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การที่จำเลยอ้างว่าลาออกจากบริษัท รวมทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ปรากฏว่าหลังจากลาออกไปแล้วนั้น ยังพบว่ามีการโอนเงินจากบริษัทเข้ามายังบัญชีจำเลยซึ่งเป็นเงินจากชพค. หลายล้านบาทอยู่ ดังนั้นการลาออกของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสร้างพยานหลักฐานไว้เท่านั้น เชื่อว่าจำเลยยังคงมีส่วนร่วมรู้เห็นกับบริษัทเช่นเดิม ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คุก10ปี'เสี่ยบิ๊ก-ปาเกียวเมืองไทย'ปลอมตั๋วเงินงาบ2พันล