17วันไม่คืบกลัวถูกสั่งเก็บ ป.-DSIรับสางคดีร.ต.อ.วัชรินทร์
อาชญากรรม
จากกรณี เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ อดีตรอง สว.กก.สส.ภ.จว.สงขลา ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจ บริเวณหน้าบ้านของตนเองเลขที่ 150/39 ถนนประสานมิตร ซอย 2 หมู่บ้านประสานมิตร หมู่ 8 ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา แต่คดีกลับไม่คืบหน้าแม้ผ่านมาแล้วถึง 17 วัน
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ บก.ป. นางวีระวรรณ เบญจทศวรรษ นายสุชาติ คงระวะ ภรรยาและพี่ชายของ ร.ต.อ.วัชรินทร์ พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อร้องขอให้กองปราบช่วยรับโอนคดีจากท้องที่มาสืบสวนสอบสวน หลังคดีไม่มีความคืบหน้ากว่าครึ่งเดือน
นายสุชาติ กล่าวว่า ตำรวจท้องที่ได้เรียกตัวคนในครอบครัวไปสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุและปมสังหาร พวกเราไม่รู้ว่าผู้ตายขัดแย้งกับใครบ้าง เท่าที่รู้ก็มีอาทิ นายตำรวจที่เคยถูกร้องเรียน การขัดแย้งเรื่องที่ดินจนเรื่องขึ้นสู่ชั้นศาล ไม่สามารถฟันธงได้ว่ากลุ่มไหนเป็นผู้ก่อเหตุ
ด้าน นายชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า ผู้ตายบอกกับตนว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย คาดว่ากำลังถูกปองร้าย ไม่กล้าที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่ พร้อมปรึกษาตนเรื่องร่างพินัยกรรมก่อนถูกยิงเพียงไม่กี่วัน ซึ่งได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจท้องที่หมดแล้ว
โดย พ.ต.ท.จตุพร ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ ก่อนจะสอบปากคำพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานก่แล้วส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาคดี
ต่อมา ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) น.ส.ตรีสุคนธ์ คงระวะ พี่สาว และนายสุชาติ พี่ชายของผู้ตาย ก็ไปร้องขอความเป็นธรรมกับ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดี ดีเอสไอ โดยขอให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ
น.ส.ตรีสุคนธ์ กล่าวว่า น้องชายถูกลอบยิงเสียชีวิตมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า แม้ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา จะเรียกผู้เกี่ยวข้องและญาติเข้าให้ปากคำแล้ว แต่ไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะจับตัวคนร้ายได้ หากทิ้งระยะเวลาให้ล่าช้าออกไปครอบครัวเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย และกลัวว่าคนร้ายจะหลบหนีออกนอกประเทศ การเสียชีวิตของน้องชายเป็นเรื่องที่ครอบครัวรับไม่ได้ การที่คนดีออกมาเปิดโปงความชั่วร้าย แต่กลับถูกสั่งฆ่า สั่งเก็บ สังคมจะปลอดภัยได้อย่างไร ไม่รู้ว่าคนในครอบครัวจะถูกสั่งเก็บเหมือนน้องชายในวันหนึ่งหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า คงต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวน ส่วนการรับเป็นคดีพิเศษจะต้องเข้าตามเงื่อนไขในมาตรา 21 คือคดีเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือข้าราชการขั้นผู้ใหญ่ ซึ่งดีเอสไอพร้อมดำเนินการให้ในกรณีที่ญาติหรือครอบครัวผู้เสียหายเห็นว่าคดีไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงสั่งให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปหาเบาะแสเพิ่มเติมแล้ว ขอให้เชื่อมั่นว่าถ้าคดีอยู่ในมือดีเอสไอคดีจะได้รับความเป็นธรรมแน่นอน.