ห้ามเล่น'ปาร์ตี้โฟม'เด็ดขาด ป้องซ้ำรอยเซ่นตายสงกรานต์
อาชญากรรม
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 เพื่อเร่งรัดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยจะเน้นไปที่การป้องกันและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวให้เข้าร่วมกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย โดยเฉพาะกิจกรรมปาร์ตี้โฟม ซึ่งต้องย้ำว่าสงกรานต์ปีนี้ห้ามมีการจัดและเล่นปาร์ตี้โฟมอย่างเด็ดขาด หลังจากเคยเกิดอันตรายกระทั่งมีผู้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว โดยจะมีการหารือแนวทางป้องกันร่วมกับฝ่ายปกครอง และทหาร อีกครั้ง พร้อมขอให้ประชาชนเล่นน้ำตามประเพณีไทย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งยังกำชับตำรวจทุกพื้นที่ห้ามเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์กับชาวต่างชาติ หรือแรงงานต่างด้าว ที่จะใช้ช่วงวันหยุดยาวเดินทางกลับประเทศ หากพบจะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับในช่วงสงกรานต์ หรือใช้ยาแรง ด้วยการพิจารณาดำเนินคดีฐานเจตนาฆ่า รองผบ.ตร. กล่าวว่า ความผิดฐานพยายามฆ่านั้น ตำรวจต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา ว่าจะเข้าข่ายเจตนาฆ่าหรือไม่ เพราะต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ ยืนยันตำรวจไม่กดดันในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รองผบ.ตร. ปฎิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ได้ออกหนังสือบันทึกข้อความ เรื่องกำชับการปฏิบัติในการสอบสวนคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ใจความว่า ด้วยรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มความเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนจัดระเบียบสังคมให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งตร.ได้สั่งการให้กวดขันและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา และทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ในปัจจุบันพบว่ายังมีอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการผู้ขับขี่ดื่มสุราและมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะการเมาแล้วขับเป็นพฤติกรรมการขับขี่รถที่ไม่คำนึกถึงความปลอดภัย เป็นอันตราย ซึ่งวิญญูชนย่อมรู้อยู่แก่ใจและคาดหมายได้ว่าจะเป็นอันตรายทั้งกับตนเองและผู้ร่วมใช้ทางบนถนน อันเป็นการจงใจละเมิดกฎหมายและบางกรณียังมีการกระทำผิดซ้ำในลักษณะเดียวกันอีก.