ยังไม่เอาผิดแม่ทิ้งลูกในห้องเช่า มีปมพิรุธ-อ้างสำลักนม
อาชญากรรม
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน พบศพเด็กหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 1-2 ปี นอนเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 2/4 อพาร์ทเม้นท์ไม่มีชื่อ เลขที่ 511 ซอยอ่อนนุช 17 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง rพบเจอศพเมื่อวันที่ 4 เม.ย.
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ สน.คลองตัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นางจุฑารัตน์ สุวรรณนิช เจ้าของอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เปิดเผยว่า น.ส.ขนิษฐา (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี เจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุ เข้ามาเช่าห้องนี้และอาศัยเพียงลำพังมาได้ประมาณเกือบ 3 ปี มักจะเข้าห้องพักกลางดึก รวมทั้งออกไปทำงานในช่วงเช้ามืดของทุกวัน และทุกเดือนจะชำระค่าห้องพักด้วยการโอนเงินผ่านธนาคาร ที่ผ่านมาไม่มีการพูดคุย หรือทำความรู้จักกับคนในอพาร์ตเมนต์เลย จึงไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของห้องคือใคร และในห้องมีเด็กอยู่หรือไม่ ภายหลังเกิดเหตุได้เข้าไปตรวจสอบภายในห้องทราบว่าไม่มีชุดเสื้อผ้าสำหรับเด็กแม้แต่ตัวเดียวกระทั่งสภาพศพเด็กยังใส่เสื้อและกางเกงของผู้ใหญ่ บริเวณบนตู้เย็นมีนมผงครึ่งกระป๋อง และนมกล่องรสจืด จำนวน 3 กล่อง และขวดนมหล่นพื้น 1 ขวด
พ.ต.ท.นิรันดร์ โสมะคุณานนท์ รอง ผกก.สอบสวน สน.คลองตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดๆทิ้ง เพราะยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของ น.ส.ขนิษฐา วงศ์เจริญ อายุ 27 ปี เจ้าของห้องพักที่เกิดเหตุ ซึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นแม่ของเด็กที่เสียชีวิต โดยเฉพาะในประเด็นที่บอกว่าเป็นแม่ลูกกันจริงหรือไม่ เนื่องจากเด็กที่เสียชีวิตไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตนว่าเกิดที่ไหนอย่างไร เพราะน.ส.ขนิษฐายังให้การไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันตำรวจยังต้องตอบสอบปากคำพยานแวดล้อมเพิ่มหลายปาก ทั้งบุคคลในอพาร์ตเม้น และเพื่อนร่วมงาน เพราะติดใจว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่มีใครเคยพบหรือรู้ว่าน.ส.ขนิษฐาท้อง หรือคลอดลูกมาก่อน
"ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแม่ลูกกันจริงหรือไม่ หากเป็นแม่ลูกกันจริงจะต้องมาดูอีกครั้งว่าจะเข้าข่ายความผิดความรุนแรงในครอบครัวหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่แม่ลูกกัน ตำรวจจะต้องสืบสวนขยายผลอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ น.ส.ขนิษฐา อ้างว่าลูกเสียชีวิตวันที่ 1 เม.ย.62 ที่ผ่านมา ด้วยอาการสำลักนมแล้วทิ้งไว้แบบนั้น ก่อนจะหลบหนีไปพักอาศัยบ้านญาติ จ.สมุทรปราการ เบื้องต้นอยู่ระหว่างตรวจผลดีเอ็นเอและผลสรุปสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป"