หนุ่มตบกระเป๋าเข้ารับข้อหา แจงฉุนเพราะพูดจาไม่สุภาพ
อาชญากรรม
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 เม.ย. ที่ สน.บางเขน นายอรรถวิทย์ พันธ์น้อย อายุ 33 ปี อาชีพพนักงานไปรษณีย์ ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รองผกก.สส.สน.บางเขน ร.ต.อ.พรชัย ว่องประเสริฐการ รองสว.สส.สน.บางเขน เพื่อประสานขอเข้ามอบตัว ก่อนจะมีการนำตัวเข้าพบ ร.ต.ท.นิธิโชติ ปอยชีวะ รอง สว.( สอบสวน) สน.บางเขน เพื่อรับทราบข้อหาทำร้ายร่างกาย ขณะเดียวกันทางนางสนธิ์ ใจผา อายุ 54 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร(ขสมก.) ก็ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร่วมเจรจากับคู่กรณี
นายอรรถวิทย์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าข่าวที่ลงไปว่าตนโมโหเรื่องขึ้นค่ารถโดยสารไม่เป็นความจริง ตนโมโหจากคำพูดของพนักงานเก็บค่าโดยสารที่ใช้คำพูดไม่สุภาพและน้ำเสียงแข็งๆ ห้าวๆ ว่า “ขึ้นราคาแล้ว” ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดที่ใช้กำลังกับคนรุ่นแม่ ก็ต้องขอโทษด้วย เพราะตนเป็นฝ่ายผิดจริงๆ ยอมรับเป็นคนอารมณ์ร้อน จากนั้นตนก็ให้เงินค่าโดยสารเพิ่มจนครบ แต่ทางพนักงานก็ไม่ยอมฉีกตั๋วโดยสารให้ ตนจึงบอกว่าจะนับ 1-3 หากไม่ฉีกตั๋วให้จะตบ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายตามคลิปเหตุการณ์ที่ปรากฏดังกล่าว
นายอรรถวิทย์ กล่าวต่อว่า มีข่าวช่องหนึ่งระบุว่าภาพที่ปรากฏว่าตนชี้มือไปหาอีกฝ่ายเพื่อที่จะเข้าทำร้ายหลายครั้งนั้นตนขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ขณะที่มีการชี้มือได้มีการโต้เถียงใช้คำหยาบคาย มีการใส่อารมณ์กัน จนกระทั่งมีเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นพนักงานบริษัทเดียวกันมาห้าม จึงได้ลงจากรถระหว่างทางก่อนถึงป้าย เห็นมีผู้หญิงกำลังถ่ายคลิปจึงเข้าไปถามด้วยอารมณ์โมโห จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหนีไป ตนก็ไม่ได้ตาม ก่อนจะเดินไปอีกป้าย เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้านตามปกติ จนกระทั่งภายหลังมาพบว่ามีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวในโลกโซเชียล จึงเข้าปรึกษากับทางสภาทนายความเรื่องการเผยแพร่คลิป ทั้งที่สาเหตุเกิดจากการปัญหาทะเลาะกันส่วนตัว เพราะอารมณ์โมโหจากคำพูดที่ไม่สุภาพทั้งที่เป็นพนักงานที่ทำงานด้านการบริการ ยืนยันเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับข้องกับเรื่องขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางแต่อย่างใด
"ยอมรับว่าทำร้ายร่างกาย และใช้คำพูดรุนแรง คนอื่นเขาก็กลัว แต่เขาไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆ มาจากคน 2 คน ไม่ได้เกี่ยวกับราคาค่าโดยสาร ผมไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล เพราะผมเลือกพรรคอนาคตใหม่ หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นผมก็เขียนใบลาออกจากงาน เพราะการกระทำของผมสร้างความเสียหายให้องค์กร เพราะผมทำไม่ดี ผมก็รับผิด” นายอรรถวิทย์ กล่าว
ด้านนางสนธิ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุนายอรรถวิทย์ขึ้นรถมานั่งเล่นโทรศัพท์และยื่นเงินจำนวน 6.50 บาท แต่ตนเองได้แจ้งว่าขณะนี้ค่าโดยสารปรับขึ้นเป็น 8 บาทแล้ว ด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้ตะคอก แต่นายอรรถวิทย์บอกว่า พูดดีๆ กับกูก็ได้ กูมีตัง กูจะตบมึงนะ จากนั้นนับ 1-3 และตบเข้าที่หน้าทันที ตนจึงยกกระบอกเก็บเงินขึ้นมา นายอรรถวิทย์ได้ขว้างกระบอกเก็บเงินลงพื้น ก่อนจะมีคนเข้ามาห้าม แต่นายอรรถวิทย์ขู่ว่า มีมีดคัตเตอร์ และพูดว่าเดี๋ยวกูแทงมึงนะ จากนั้นผู้โดยสารได้กรูวิ่งลงจากรถกัน ส่วนการดำเนินคดี ยืนยันตนเองจะไม่ยอมความ ปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่น และนับตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงขณะนี้ ตนก็ยังไม่ได้รับการขอโทษจากคู่กรณี
ด้าน ร.ต.ท.นิธิโชติ เปิดเผยว่า เนื่องจากนายอรรถวิทย์เคยก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเดิมซ้ำ จึงส่งฟ้องศาลแขวงดอนเมืองในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย. 62 เวลา 09.30 น. นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง..
ร้อน-ฉุนขาด-ค่ารถเมล์แพง! หนุ่มปรี่ตบกระเป๋าหัวทิ่ม