ข่าวจ่อขยายเวลาตรวจรับ 'ไบโอแมทริกซ์' งวดสุดท้าย - kachon.com

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.ภ.7 ช่วยราชการสตม. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุรายการจัดซื้อครุภัณฑ์โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ ลายพิมพ์นิ้วมือ และภาพถ่ายใบหน้า เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งทาง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ได้มอบหมายให้มาช่วยดูงานบริหารและงานด้านเทคโนโลยี ส่วนการที่เข้ามาเป็นรองประธานตรวจรับพัสดุไบโอแมทริกซ์  เป็นโครงการที่ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการมาแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจรับมาในระยะที่สาม แต่พอมาระยะที่สี่ตรวจรับไม่ได้ เข้าไปติดตั้งเครื่องและระบบไม่ได้ ทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมามีการตามกรอบทีโออาร์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นระบบใหม่ที่การทำงานเน้นตัวบุคคลเป็นหลัก มีความแม่นยำมากขึ้น โดยในประเทศออสเตรเลีย เยอรมัน สิงค์โปรมีการนำมาใช้

พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า โดยในวันที่ 2 พ.ค.ที่จะถึงนี้จะครบรอบสัญญาหมด แต่ปรากฎว่าในสนามบินหลายแห่ง อาทิ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี มีการปรับปรุงพื้นที่ทำให้ไม่สามารถส่งมอบได้ตามกรอบระยะเวลา ซึ่งในส่วนนี้ทางบริษัทเอกชนได้ขอขยายเวลาออกไป 110 วัน ซึ่งตรวจรับพิจารณาว่าจะมีความเห็นว่าในการขยายกรอบระยะเวลาหรือไม่ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบข้อบังคับการจัดซื้อส่งมอบครุภัณฑ์ไม่เป็นไปตามสัญญาว่าจะต้องมีการปรับ ซึ่งในสัญญาให้ระบุว่าหากบริษัทผู้รับเหมาไม่สามารถส่งมอบครุภัณฑ์ได้ตามสัญญา ในกรณีที่มีการขยายเวลาให้แล้วก็จะต้องถูกปรับถึงวันละ 5 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่หนักใจในการเข้ามารับบทบาทในการเป็นคณะกรรมการฯ ซึ่งคณะกรรมการทุกคนพิจารณาตรวจรับโดยมีหลักเกณฑ์ตรงไปตรงมา ซึ่งว่าไปตามขั้นตอน หากทดสอบผ่าน ส่งมอบผ่านก็เป็นไปตามนั้น หากไม่ผ่านก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน 

สำหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า การดำเนินการมาในสมัย พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.ในขณะนั้น ต่อเนื่องเรื่อยมายังสมัย พล.ต.ท.สุทธพงษ์ วงษ์ปิ่น และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นผบช.สตม. จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทางตร. โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีการอนุมัติตกลงซื้อขายคุรุภัณฑ์โครงการดังกล่าว ระยะแรกเป็นเงิน 2,116 ล้านบาท จากกิจการร่วมค้าเอ็มที กำหนดส่งมอบสิ่งของภายใน 660 วัน รวม 6 งวด ซึ่งครบกำหนดส่งมอบภายในวันที่ 2 พ.ค.62 โดยที่ผ่านมาการดำเนินการคุรุภัณฑ์ ทั้ง 6 งวด จากกิจการร่วมค้าเอ็มที มีการส่งมอบงานตรงตามสัญญาและไม่ตรงตามสัญญา ดังนี้ โดยงวดที่ 1 ครบกำหนด 9 ก.ย. 2560  มีการส่งมอบงานเมื่อ 24 ส.ค.60, งวดที่ 2 ครบกำหนด 8 ธ.ค.2560 ส่งมอบงานเมื่อ 20 มี.ค.61 (ช้ากว่ากำหนด 106 วัน) งวดที่ 3 ครบกำหนด 6 ก.พ.2561 ส่งมอบงานเมื่อ 2 ส.ค.2561 (ช้ากว่ากำหนด 177 วัน) งวดที่ 4 ครบกำหนด 7 พ.ค.61 ส่งมอบงานเมื่อ ก.พ.62 (ช้ากว่ากำหนด 9 เดือน), งวดที่ 5 ครบกำหนด 4 ต.ค.61 ยังไม่มีการส่งมอบงาน, งวดที่ 6 ครบกำหนดสัญญา 2 พ.ค.2562

ทั้งนี้มีรายงานว่า การส่งมอบงานตามข้อกำหนดสัญญางวดที่ 6 งวดสุดท้ายคงเหลือระยะเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา รวมทั้งการส่งมอบงานแต่ละงวดล่าช้ากว่ากำหนด ไม่มีการปรับแผนการดำเนินการ ซึ่งต้องจับตาว่าทางคณะกรรมการตรวจรับฯ จะมีการพิจารณาขยายเวลาให้หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาทาง สตม.ได้เร่งรัดดำเนินการมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เสร็จ รวมทั้งอาจมีความพยามยามให้เจ้าหน้าที่ตรวจรับก่อน เพื่อมิให้ถูกเสียค่าปรับส่งงานล่าช้า