ข่าวรุมยำโจ๋ปาหินดับฝัน'น้องอาร์ม' แถไม่มองหน้าคงไม่โดน - kachon.com

รุมยำโจ๋ปาหินดับฝัน'น้องอาร์ม' แถไม่มองหน้าคงไม่โดน
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. แถลงผลจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา ที่ร่วมกันใช้ก้อนหินปาใส่ ด.ช.วิษณุสรรค์ หรือน้องอาร์ม สุวรรณภา อายุ 14 ปี จนเสียชีวิต ประกอบด้วย 1.นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี 2.นายพิสิษฐ์ หรือนนท์ เพชรเลิศ อายุ 21 ปี 3.นายกวีโชค หรือเศรษฐี เงาศรี อายุ 22 ปี และ4.นายวัชระ หรือแดค บุญลือ อายุ 22 ปี พร้อมของกลาง รถ จยย.2 คัน ที่เป็นยานพาหนะตอนก่อเหตุ โดยมี นางเพ็ญศรี แม่ของน้องอาร์ม รวมทั้งพ่อเลี้ยงและญาติ มาร่วมการแถลงข่าวด้วย

จากนั้นหลังแถลงเสร็จ กำลังตำรวจ 30 นาย ได้คุมตัว นายเศรษฐี กับนายแดค มาจำลองเหตุการณ์ที่ลานจอดรถข้างโรงพักในช่วงที่นายเศรษฐีปาหินใส่น้องอาร์มจนกระเด็นตก จยย.ท่ามกลางญาติและเพื่อนๆของน้องอาร์มที่มาดูการทำแผนจำนวนมาก


แต่ในระหว่างคุมตัวผู้ต้องหาเข้าห้องขัง เพื่อนวัยรุ่นของน้องอาร์มได้ตะโกนสาปแช่งก่อนจะวิ่งฝ่าวงล้อมเข้าประชาทัณฑ์จนเกิดการชุลมุนวุ่นวาย ก่อนจะกันตัวทั้งคู่ออกมาได้และนำตัวเข้าควบคุมในห้องขัง  ต่อมา ตำรวจได้คุมตัวทั้งคู่ออกจากห้องขังเพื่อขึ้นรถนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ แม่และพ่อรวมทั้งญาติๆขจึงปรี่เข้าไปรุมประชาทัณฑ์เป็นรอบที่สอง สุดท้ายก็สามารถนำทั้งหมดขึ้นรถไปส่งฝากขังได้ ซึ่ง แม่น้องอาร์ม อยากให้ผู้ต้องหาทั้งหมดที่ร่วมกันฆ่าลูกชายได้รับโทษประหารชีวิต ให้สาสมกับการกระทำที่โหดร้าย

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค.เวลา 00.20 น. ตำรวจได้รับแจ้งเหตุวัยรุ่นเขม่นกันและใช้ก้อนหินขว้างใส่ บริเวณริมถนนเทพารักษ์ ปากซอยบางปลา 15  ต.บางปลา จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบว่าผู้บาดเจ็บคือน้องอาร์ม ซึ่งนั่งซ้อนท้าย จยย.แล้วโดนก้อนหินขว้างใส่จนร่วงตกพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


สืบสวนทราบผู้ร่วมกระทำผิดคือ นายเศรษฐี คนขว้างหิน ร่วมกับนายเอ นายแดค และนายนนท์ จึงขออนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการออกสืบสวนติดตามจับกุม กระทั่งวันที่ 13 พ.ค. สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คนคือ นายเอและนายนนท์ ก่อนส่งตัวเข้าควบคุมที่เรือนจำกลางจังหวัดสมุทรปราการ

จากนั้นได้กดดันผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 รายคือ นายเศรษฐี และนายแดค ซึ่งทั้งสองหลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติในมุกดาหาร สุดท้ายผู้ต้องหาทนแรงกดดันไม่ไหวได้ติดต่อขอมอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร ก่อนจะไปรับตัวกลับมาดำเนินคดี สอบสวนให้รับสารภาพว่าเป็นคนปาก้อนหินจริงโดยสาเหตุเกิดความจากคึกคะนอง และไม่พอใจที่โดนมองหน้าหาเรื่อง ทั้งคู่ยืนยันว่าถ้าวันนั้นผู้ตายไม่ได้มองหน้าแบบหาเรื่องก็คงไม่ขี่ตามไปก่อเหตุ และไม่ได้คิดจะเอาให้ถึงตาย แค่หวังสั่งสอนเท่านั้่น

เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายผู้อื่นและร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย.