ข่าว'ไบโอแมทริกซ์'สุวรรณภูมิ โชว์ฝีมือจับคนถือพาสปอร์ตเก๊ - kachon.com

'ไบโอแมทริกซ์'สุวรรณภูมิ โชว์ฝีมือจับคนถือพาสปอร์ตเก๊
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจากฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่านตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่พบผู้โดยสารชายชาวเอเชียถือหนังสือเดินทางชื่อ Mr.Oh chee boon สัญชาติมาเลเซีย มาทำการตรวจหนังสือเดินทางผ่านช่องตรวจทดสอบของระบบโครงการไบโอแมทริกซ์ (Biometric) โดยจะเดินทางไปกับสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน PR731 มุ่งหน้าไปยังประเทศฟิลิปปินส์ โดยระบบประมวลผลเทียบเคียงใบหน้า facial recognition ของระบบไบโอแมทริกซ์พบว่า ข้อมูลภาพในหน้า Data oage ไม่ตรงกับข้อมูลภาพในชิปหนังสือเดินทาง และภาพถ่ายของผู้เดินทางจากกล้องบันทึกที่ช่องตรวจ ตม. แสดงผลว่าไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน 

ทาง พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำตัวไปทำการสอบสวนขยายผล จากการซักถามเบื้องต้น ชายคนดังกล่าวยังยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับพาสปอร์ต แต่จากการตรวจสอบทางเทคโนโลยี vsc 6000 พบว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม นอกจากนั้นยังค้นตัวพบเงินสดเป็นยูเอสดอลลาร์ จำนวน 500,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 16 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง และพบประวัติการเข้าออกทางด่านชายแดนไทย-เมียนมา ด้วยพาสปอร์ตเล่มดังกล่าวหลายครั้ง จนมีการตรวจพบด้วยระบบไบโอแมทริกซ์ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและนำไปสู่การจับกุมในที่สุด


อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าชายดังกล่าว น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากเงินที่พบมีจำนวนมาก และไม่ยอมบอกรายละเอียดใดๆ ถึงที่มาของเงินดังกล่าว โดยจะทำการขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาว่า “ใช้หรือมีใว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมและปลอมและใช้ดวงตรารอยตราหรือแผ่นปะตรวจลงตราที่ทำปลอม (ปลอมรอยตราประทับ)” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับไบโอแมทริกซ์ (Biometric) หรือโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจบุคคลด้วยเทคโนโลยี Biometrics เป็นโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่นำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ควบคู่กับระบบตรวจคนเข้าเมือง โดยใช้เทคโนโลยี Biometrics พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ทั้งข้อมูลลายนิ้วมือ finger print และข้อมูลใบหน้า facial recognition ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการพิสูจน์ตัวบุคคลเพิ่มขึ้นจากข้อมูลหนังสือเดินทางปกติ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนชื่อหรือเอกสารเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงข้อมูลเฝ้าระวังซึ่งเป็นการยกระดับการคัดกรองบุคคลเข้าออกราชอาณาจักร เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น โดยได้รับอนุมัติให้ใช้งบประมาณจากค่าธรรมเนียมตรวจคนเข้าเมืองจำนวน 2 พันกว่าล้านบาท ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามกฏหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบการทำงานตาม TOR ในงวดงานที่ 4 จาก 6 งวด เพื่อครอบคลุมการทำงานด่านชายแดนทางบก เรือ อากาศ และการตรวจขออยู่ต่อทั่วประเทศต่อไป