เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความพร้อมด้วยน.ส.กัลยกร ชลพิทักษ์ อายุ 37 ปีพร้อมบุตรอีกจำนวน2คน ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดธัญบุ
รี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อทำเรื่องให้ศาลจังหวัดธั
ญบุรี ปล่อยตัวนายพิชิต เชิดธรรม สามีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.
คลองหลวง จับกุมดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้
ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิชอบ โดยนายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่น.ส.กัลยกร ภรรยานายนายพิชิต สามีที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.
คลองหลวงจับกุมดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้
ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิชอบ ได้ไปขอความเป็นธรรมที่สำนั
กงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มารับเรื่องแทนพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นั้น โดยให้พนักงานสอบสวนข้อเท็จจริ
งว่าถ้าไม่ผิดก็ให้ปล่อยตั
วนายพิชิต เชิดธรรม ซึ่งพนั
กงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วไม่
พบการกระทำความผิดทางเจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงมีหมายปล่อยตัวมาที่
ศาลจังหวัดธัญบุรี ขอให้ปล่อยตัวนายพิชิต โดยให้เหตุผลว่าไม่
พบการกระทำความจึงได้ปล่อยตั
วโดยไม่มีการการประกันตัว ส่วนเรื่องของคดีนั้นก็ยังมีผู้
ต้องหาคนอื่นอีกแต่ถ้ามีการสั่
งฟ้องสำนวนของนายพิชิตก็จะพ่
วงไปด้วย
นายวรกร กล่าวต่อว่าเมื่อพ่วงไปด้วยแล้วก็ขึ้นอยู่
กับทางอัยการ แต่ถ้าทางอัยการมีความเห็นเดี
ยวกันกับตำรวจก็คือ จบคดีนี้ แต่ถ้าทางอัยการ เห็นสมควรว่า จะเรียกตัวมาเป็นจำเลย ก็มีสิทธิ์ที่จะให้ทำพนั
กงานสอบสวนเรียก นายพิชิตมาอีกเพื่อมาเป็
นจำเลยได้ แต่ต้องมีเหตุผลมากพอสมควรที่
จะสั่งในการดำเนินคดี เพราะว่าจากสำนวน ขอนายพิชิตที่มีอยู่นี้ไม่ได้
เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลย มีแต่เพียงว่าไปขายส้
มและเจอยาเสพติด จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่
ตำรวจ และคดีนี้เป็นคดี
แรกของประเทศไทยที่ผู้ต้องหาคดี
ยาเสพติดมีการปล่อยตัวในชั้
นของตำรวจ ด้านน.ส.กัลยกร กล่าวว่าตนเองรู้สึกดีใจมาก ที่สามีจะออกมาจากเรือนจำและได้
อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้
อมตาอีกครั้งและอยากจะขอบคุณทนายและสื่
อทุกสื่อ ที่ได้ช่วยเหลือ ตนขอยืนยันว่าสามีตนเองไม่
ได้เป็น ผู้กระทำความผิด 100% ตลอดระยะเวลาที่สามีเข้าไปอยู่
ในเรือนจำนั้น ตัวเองต้องรับภาระทุกอย่
างในการเลี้ยงดูลูก 2 คน และภาระทุกอย่างในครอบครัวอีก พร้อมทั้งค่าเช่าบ้านและส่
งงวดรถ
ต่อมาที่เรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปล่อยตั
วนายพิชิต ออกมาจากเรือนจำให้เป็นอิ
สระและเมื่อทางน.ส.กัลยกร และลูกอีก2 คน ได้เจอหน้ากันต่างก็โผเข้ากอดกั
นและร้องไห้ด้วยความดีใจ ขณะที่นายพิชิต กล่าวว่าวันเกิดเหตุ เพื่อนของตนได้รับงาน มาเพื่อที่จะให้เอาส้มไปทิ้ง จนได้มาเจอยาบ้า ซึ่งหลังจากที่เจอยาบ้าแล้
วตนเองก็ไม่ได้ตกใจอะไร ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเจ้
าหน้าที่ตำรวจให้
มาตรวจสอบและทางเจ้าหน้าที่
ตำรวจก็ได้นำยาเสพติดไป แล้วเรียกตนให้
ไปที่โรงพักคลองหลวง ให้เซ็นเอกสาร ซึ่งตนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ตำรวจได้อ่านให้
ตนฟัง จับใจความได้ว่า ตนได้ขับรถไปส้ม และมียาเสพติดอยู่ในรถ ในการเซ็นนั้นตนเองไม่ได้รั
บสารภาพ ว่าเป็นเจ้าของยาเสพติด จากนั้นตำรวจก็นะพาตนไปชี้
ยาเสพติดจากนั้นก็ได้ถ่ายรูป และนำตนเข้าไปควบคุมไว้ในห้องขั
งของสภ.คลองหลวง 1 เดือน ที่ตนเองถูก จับกุมอยู่ในเรือนจำนั้นมันเป็
นการที่ทรมานมาก คิดว่าตนเองเป็นพลเมืองดีแต่
ทำไมต้องมาถูกจับกุม หลังจากนี้ไปตนเองคงไม่กล้าถ้
าเจอสิ่งผิดกฎหมายอีกตนจะไม่
ขอเข้าไปยุ่ง และจะไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะแจ้งไปก็อาจจะถูกจั
บมาแบบนี้อีก .