ข่าวตัดสินประหารชีวิต"พี่ชายใจโหด" ฆ่าฝังดิน"น้อง-ผัวฝรั่ง" - kachon.com

ตัดสินประหารชีวิต"พี่ชายใจโหด" ฆ่าฝังดิน"น้อง-ผัวฝรั่ง"
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ศาลจังหวัดแพร่ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต ที่พนักงานอัยการจังหวัดแพร่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวารุต รัตนสัจจะกิจ หรือ หนานหนัด อายุ 63 ปี จำเลยที่ 1, นายเปี้ย คำใส อายุ 63 ปี จำเลยที่ 2, นายกิตติพงษ์ คำหวัน อายุ 24 ปี จำเลยที่ 3 และนายสีมาอุดพามูล อายุ 60 ปี จำเลยที่ 4 ในความผิดฐาน จ้างวานฆ่าผู้อื่น, ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีที่นายวารุต จำเลยที่ 1 จ้างวานจำเลยที่ 2-4 ให้ฆ่านางหน็อต สุดแดน น้องสาวของตัวเองพร้อม นายอลัน สก็อต ฮ็อก น้องเขย ก่อนนำศพไปฝังดินเพื่ออำพราง

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า  จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3  ได้เตรียมการและร่วมกันลงมือสังหารโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีการเตรียมการก่อนที่จะลงมือที่บ้านจำเลยที่ 1 จากนั้นจึงเข้าไปในบ้านผู้ตาย โดยจำเลยที่ 2 เป็นคนใช้ปืนลูกซองยิง นายอลัน จำนวน 2 นัด บริเวณทางลงไปเล้าเป็ด และจำเลยที่ 3 เป็นผู้ล็อคแขนของ นางหน็อต เพื่อให้จำเลยที่ 1 ใช้เครื่องมือซ่อมรถ หรือประแจ ทุบที่ศีรษะตรงท้ายทอยของนางหน็อตฯ บริเวณโรงจอดรถ ขณะกำลังคัดมะนาว  จากนั้นจำเลยทั้ง 3 จึงได้ช่วยกันนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ไปไว้ที่ริมห้วยกวางเน่า ก่อนจะนำรถแบ็คโฮมาทำการขุดดินฝังร่างของทั้งสอง เหตุเกิดเวลา 18.00 น. ของวันที่ 19 ก.ย. 2561 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเบาะแสคนร้ายได้จากรอยเลือดที่ติดเท้าของสุนัขที่นายอลันฯเลี้ยงไว้ในบ้าน ซึ่งเป็นจุดแรกที่พบร่องรอย 

ส่วนจำเลยที่ 4 นั้น เจ้าหน้าที่ได้สืบจากขั้นตอนการจ้างวานฆ่า โดยนายวารุต ได้ไปหาจำเลยที่ 4 ที่อำเภอวังชิ้น มีการนัดเจอกันเพื่อจ้างวานให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้ลงมือฆ่าด้วยราคา 100,000 บาท แต่พอทราบว่านายวารุตมาจ้างวานฆ่าน้องสาวของตัวเอง จำเลยที่ 4 จึงไม่รับทำงานนี้ แต่ก็ยังพานายวารุต ไปหาจำเลยที่ 2, 3 และ 4 โดยรับเงินไปก่อน 50,000 บาท พร้อมค่ารถอีกจำนวน  2,000 บาท จึงเป็นผลให้จำเลยที่ 4 ตกเป็นผู้ต้องหาและมีส่วนในการวางแผนฆ่าสองสามีภรรยาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1, 2 และ 3 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  ให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 มีความผิดโทษฐานสนับสนุนฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4 ให้การเป็นประโยชน์ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกเพียง 25 ปี แต่เนื่องด้วยคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนขวัญต่อประชาชน และเป็นการสังหารชาวต่างชาติสร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของประเทศชาติถือว่ามีความผิดร้ายแรงจึงเป็นเหตุให้ไม่มีการลดโทษ ให้ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว นอกจากนี้ในทางแพ่ง จำเลยทั้ง 4 คน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นจึงต้องใช้สินไหมทดแทนแก่ลูกสาวของผู้ตายทั้งสองเป็นจำนวนทั้งสิ้น 644,255.20 บาท ในการใช้จ่ายพิธีศพและการเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อดำเนินคดีของบิดาและอีกหลายรายการ  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา นางอลิซาเบส แมรี่ เกรย์ นายริชาร์ด โทมัส วาร์วิค และ นายเดวิด ฟินสตัน ฮ็อค ซึ่งเป็นญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีนี้ด้วย ภายหลังรู้สึกพอใจในคำพิพากษา ขณะที่ญาติของฝ่ายจำเลยต่างตกใจเพราะไม่คิดว่าศาลจะลงโทษถึงประหาร หลังจากนี้จะได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายทนายเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป.