ข่าวชงปิดผับพัทยามั่วยา5ปี ย้าย'5เสือ'เข้ากรุ-30วันก็กลับมา - kachon.com

ชงปิดผับพัทยามั่วยา5ปี ย้าย'5เสือ'เข้ากรุ-30วันก็กลับมา
อาชญากรรม

photodune-2043745-college-student-s

ปกติก็มีข่าวบ่อยอยู่แล้ว แต่ช่วงหลังนี้มีมาถี่ยิบขึ้นกว่าเดิมเสียอีก สำหรับการจู่โจมปิดล้อมตรวจค้นสถานบันเทิงที่อาจทำผิดกฎหมาย เสมือนเป็นการบีบแตรเตือนให้ผู้พิทักษณ์สันติราษฏร์ต้องเข้มงวดและไม่ปล่อยปละละเลย แต่โรงพักบางท้องที่ก็ยังเพิกเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวปล่อยเลยตามเลยแบบเคย เช่นเดียวกับเหตุการณ์นี้เมื่อ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง นายอภิชาต จารุศิริ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี  นำกำลังอส.  ทหารกองทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่สำนักงานปปส. เข้าตรวจสอบจับกุมสถานบันเทิง 2 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณถนนพัทยาใต้ อ.บางละมุง  ประกอบด้วย ร้านบราซิลพัทยาผับ  และร้าน 90 บาร์


จากการตรวจสอบพบว่าร้านบราซิล พัทยา ยังคงเปิดให้บริการตามปกติโดยมีนักเที่ยว ราตรีกว่า 300 คน กำลังดื่มกินอยู่ภายในร้านเจ้าหน้าที่สั่งให้ปิดเพลง และเปิดไฟ ทันทีที่นักเที่ยวรู้ว่าเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมภายในผับจึงเกิดการโกลาหลเล็กน้อย หลายคนพยายามจะหลบหนี มีบางส่วนวิ่งออกไปนอกผับ เจ้าหน้าที่ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ก่อนจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ตรวจค้นนักเที่ยวคนหนึ่ง พบอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 16 นัด มีดพกสั้น 1 เล่ม ยาเสพติด ทั้งยาอี ยาเค ไอซ์ จำนวน 62 ซอง พร้อมอุปกรณ์การเสพเป็นจำนวนมาก ตกเกลื่อนอยู่ตามพื้น


นอกจากนี้ได้นำตัวนักเที่ยวแยกชาย-หญิง  เพื่อตรวจสารเสพติดในปัสสาวะ ผลการตรวจสอบพบว่านักเที่ยวที่มีปัสสาวะเป็นสีม่วงจำนวน 142 คน  (ชาย 94 คน หญิง 48 คน) รวมถึงนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน 58 คน  เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการจำนวน  4 คน อายุต่ำสุด 18 ปี  และตรวจสอบไม่พบใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการอีกด้วย

เบื้องต้นจึงได้แจ้งข้อหาแก่นายทักษิณ ภูษี อายุ 41ปี ซึ่งแสดงตัวเป็นผู้จัดการร้าน บราซิล พัทยา ดังนี้ คือ 1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี


ส่วนที่ร้าน 90 บาร์จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดเดียวกัน พบนักเที่ยวมีปัสสาวะสีม่วง 13 คน  (ชาย 9 คน หญิง 4 คน)  มีเยาวชนเข้าไปใช้บริการ 1 คน และเตาบารากู่เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้จัดการร้าน 90 บาร์ พัทยา ดังนี้ 1. ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.จำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาต 3.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด  4.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยวิธีส่งเสริมการขาย(จัดโปรโมชั่น) 5.ขายหรือให้บริการบารากู่ หรือตัวยาบารากู่

นายรณรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ร้องเรียน สถานบริการ ร้านบราซิล พัทยา ตั้งอยู่ ซอยพัทยาใต้ 7 ถนนพัทยาใต้ และร้าน 90 บาร์พัทยา ตั้งอยู่บริเวณซอยบงกช พัทยาใต้ ฝ่าฝืนคำสั่ง หัวหน้าคสช.ที่ 22/2558 ด้วยการเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้าไปใช้บริการ มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในร้าน


กรมการปกครอง จึงได้ส่งพนักงานฝ่ายปกครอง (สายลับ) เข้าไปสืบสวนและแสวงหาพยานหลักฐาน ด้วยการแฝงตัวไปใช้บริการร้านดังกล่าวในเวลาหลังเที่ยงคืนแล้ว พบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่ได้เข้มงวดในการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน ขณะที่ภายในร้านพบลูกค้าบางส่วนมีพฤติกรรมและการแต่งตัว น่าเชื่อได้ว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้ามาใช้บริการ  มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดกันภายในร้านจริงตามข้อร้องเรียน

นอกจากนี้ยังพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากในช่วงเวลา  03.00 - 04.30 น. โดยปิดไฟหน้าร้านแกล้งทำเป็นว่าปิดร้านแล้ว แต่ด้านในร้านนักเที่ยวกำลังดื่มกินกันอย่างเมามัน พร้อมโยกย้ายร่างกายไปตามจังหวะดนตรีที่ดีเจของร้านเปิดกระหึ่ม โดยสถานบันเทิงแห่งนี้เปิดให้บริการถึงรุ่งเช้าของทุกวัน สายลับจึงให้สัญญาณแก่ชุดจับกุมเข้าดำเนินการตรวจสอบจับกุมดังกล่าว

หลังจากนี้กรมการปกครอง จะกวดขันจับกุม ปราบปราม สถานบริการที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง และนายอำเภอบางละมุง จะได้เสนอให้ผวจ.ชลบุรี มีคำสั่งปิดสถานบริการแห่งนี้ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 เป็นเวลา 5ปี ต่อไป


ทางด้าน นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ รอง อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.)ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ร่วมกับทหาร ลุยตรวจผับดัง 2 แห่งที่พัทยา ว่ามีผู้ร้องเรียนเข้ามาเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ ทั้งนี้ในส่วนของกรมการปกครอง  มีการสั่งการไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในการเข้มงวดควบคุมสถานบริการ การจัดระเบียบสังคม รวมถึงเรื่องของเด็กและเยาวชนซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้มีคำสั่งของคสช. กำหนดไว้อยู่แล้วและทุกพื้นที่ทราบและต้องดำเนินการจับตากวดขัน ทั้งนี้ส่วนใหญ่การตรวจจับสถานบันเทิง เป็นเพราะในพื้นที่มีการร้องเรียนเข้ามาและหากเกี่ยวกับเด็กแล้วเยาวชน จะร้องเรียนไปที่กรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งจะประสานกับทางกรมการปกครองเพื่อออกปฏิบัติการร่วมกัน

“โดยพื้นฐาน ถ้ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทางกรมการปกครอง จะแจ้งไปในพื้นที่ให้ทำการตรวจสอบดำเนินการ หากที่ไหนเหนือบ่ากว่าแรง หรือมีปัญหามาก เราจะส่งชุดหน่วยปฏิบัติการเข้าไปช่วยอย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่กลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดที่มีประชากรอยู่อาศัยหนาแน่น อย่างไรก็ตามจริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของจังหวัด อำเภอ ซึ่งมีคณะกรรมการรักษาความสงบความเรียบร้อย ที่มีหน้าที่เข้าไปดูแลประชาสัมพันธ์กวดขันอยู่แล้ว” นายศักดิ์ชัย กล่าว


ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รอง โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี  มีคำสั่งให้ตั้งคณะการสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องของ  สภ.เมืองพัทยา จำนวน 5 นาย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ประวิตร ช่อเส้ง  ผกก. พ.ต.ท.กรณ์ สมคะเนย์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.มาโนต หวังสู้ศึก รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ศรันยพงศ์ ไหมทองกุลธร สวป. และพ.ต.ต.พลากร ตราชูนิตย์ สว.สอบสวน ย้ายมาประจำที่ศปก.ภ.จว.ชลบุรี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เป็นเวลา 30 วัน ระหว่างการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้คณะกรรมการเร่งรัดการตรวจสอบพร้อมรายงานผลให้ทราบโดยเร็ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับทุกพื้นที่ในการป้องกันปราบปราม ไม่ให้มีการปล่อยปละละเลย อบายมุขบ่อนการพนัน สถานบริการ ยาเสพติด หรือการค้ามนุษย์ เกิดขึ้นในทุกพื้นที่  หากมีหน่วยอื่นเข้าตรวจค้นจับกุม หน่วยพื้นที่ต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงบ่ายวันเดียวกัน  บริเวณ สภ.เมืองพัทยา นั้น พบว่าบรรยากาศทั่วยังคงให้บริการประชาชนตามปกติ แต่ห้องทำงานของผกก.ว่างเปล่า เงียบสนิท ไม่พบตัวพ.ต.อ.ประวิตรแต่อย่างใด คาดว่าจะเข้ารายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาตามคำสั่ง.